TGAT คืออะไร TGAT/TPAT สอบอะไรบ้าง
เมนู
การสอบ TGAT คืออะไร ?
ทำไมต้องสอบ TGAT ?
- คะแนน TGAT ใช้ยื่นสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยผ่านระบบ TCAS ทุกๆ รอบ
- มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ใช้คะแนน TGAT ในการพิจารณาคัดเลือก
ภาพรวมข้อสอบ TGAT
ข้อสอบ TGAT ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ
1. การทดสอบทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ
แต่ละส่วนมีคะแนน 100 คะแนน รวมทั้งหมด 300 คะแนน

สอบ TGAT 1 ภาษาอังกฤษ
TGAT 1 คือ ส่วนหนึ่งของการสอบ TGAT ที่วัดทักษะภาษาอังกฤษ เน้นการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ต่างจาก GAT ภาษาอังกฤษแบบเดิม
ภาพรวมข้อสอบ TGAT 1
- มี 60 ข้อ
- ใช้เวลาทำข้อสอบ 60 นาที
- ข้อสอบเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก
- ทดสอบทักษะภาษาอังกฤษ 2 ทักษะ ดังนี้
- ทักษะการพูด :
- ตอบคำถาม 10 ข้อ
- เติมบทสนทนาสั้นๆ 10 ข้อ
- เติมบทสนทนายาวๆ 10 ข้อ
- ทักษะการอ่าน :
- เติมข้อความให้สมบูรณ์ 15 ข้อ
- อ่านจับใจความ 15 ข้อ
- ทักษะการพูด :
ความแตกต่าง ข้อสอบ TGAT 1 กับ A-Level ภาษาอังกฤษ
ข้อสอบ | TGAT 1 วัดความถนัด / การสื่อสารภาษาอังกฤษ | A-Level ภาษาอังกฤษ |
จำนวนข้อ | 60 ข้อ | 80 ข้อ |
เวลาในการทำข้อสอบ | 60 นาที | 90 นาที |
คะแนนเต็ม | 100 คะแนน | 100 คะแนน |
โครงสร้างข้อสอบ | – Speaking Skill 60 ข้อ ( Question-Response , Short conversions , Long conversions ทั้งหมด คือ ข้อสอบแบบเติมบทสนทนา ) – Reading Skill 30 ข้อ ( Text completion คือ ข้อสอบ Cloze test ที่วัดทั้งคำศัพท์และแกรมม่า , Reading Comprehension ข้อสอบการอ่านทั่วไป ) | – Listening and Speaking Skills 20 ข้อ ( ข้อสอบแบบเติมบทสนทนา ) – Reading Skill 40 ข้อ ( ข้อสอบการอ่าน ) – Writing Skill 20 ข้อ ( Text Completion คือ ข้อสอบ Cloze Test ที่วัดทั้งคำศัพท์ และ Grammar , Paragraph organization คือ ข้อสอบเรียงประโยค) |
สอบ TGAT 2 การทดสอบทักษะในการคิดอย่างมีเหตุผลและตรรกะ
TGAT 2 คือ ส่วนหนึ่งของการสอบ TGAT ที่วัดทักษะการคิดวิเคราะห์และตรรกะ เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้เหตุผล และคิดอย่างมีวิจารณญาณ
ภาพรวมข้อสอบ TGAT 2
- มี 60 ข้อ
- ใช้เวลาทำข้อสอบ 60 นาที
- ข้อสอบเป็นแบบปรนัย 5 ตัวเลือก
- คะแนนเต็ม 100 คะแนน
- ทดสอบทักษะ 4 ด้าน ดังนี้
- ความสามารถทางภาษา : 20 ข้อ
- วัดทักษะการสื่อความหมาย การใช้ภาษา การอ่าน และการเข้าใจภาษา
- ความสามารถทางตัวเลข : 20 ข้อ
- วัดทักษะการคิดเลข การวิเคราะห์โจทย์ปัญหา การเปรียบเทียบเชิงปริมาณ และความเพียงพอของข้อมูล
- ความสามารถทางมิติสัมพันธ์ : 20 ข้อ
- วัดทักษะการจินตนาการ การคิดวิเคราะห์ภาพ และการแก้ปัญหา
- ความสามารถทางเหตุผล : 20 ข้อ
- วัดทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล การคิดอย่างมีตรรกะ การจับใจความ และการสรุป
- ความสามารถทางภาษา : 20 ข้อ
สอบ TGAT 3 สมรรถนะการทำงานในอนาคต
TGAT 3 คือ เป็นการวัดทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานและใช้ชีวิต ข้อสอบเน้นการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา สื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่น
ภาพรวมข้อสอบ TGAT 3
- มี 40 ข้อ
- ใช้เวลาทำข้อสอบ 60 นาที
- ข้อสอบเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก แต่สามารถเลือกตอบได้มากกว่า 1 ตัวเลือก
- คะแนนเต็ม 100 คะแนน
- ทดสอบ 4 ทักษะ ดังนี้
- การสร้างคุณค่าและนวัตกรรม : 15 ข้อ
- วัดทักษะการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา คิดริเริ่ม สร้างสรรค์
- การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน : 15 ข้อ
- วัดทักษะการระบุปัญหา หาทางออก วิเคราะห์ผลลัพธ์
- การบริหารจัดการอารมณ์ : 15 ข้อ
- วัดทักษะการเข้าใจตัวเอง ควบคุมอารมณ์ เข้าใจผู้อื่น
- การเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมของสังคม : 15 ข้อ
- วัดทักษะการรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชน
- การสร้างคุณค่าและนวัตกรรม : 15 ข้อ
จำนวนข้อสอบ TGAT และเวลาทำข้อสอบ
TGAT มีทั้งหมด 200 ข้อ น้องมีเวลาทำข้อสอบทั้งหมด 3 ชั่วโมง ซึ่งคิดเป็นเวลาเฉลี่ย 54 วินาทีต่อข้อ
การใช้คะแนน TGAT และคะแนนเฉลี่ย
- คะแนนเต็ม 300 คะแนน
- คะแนนเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 40-50 คะแนน (คิดเป็น 35% ของผู้สอบทั้งหมด)
การแบ่งคะแนน TGAT
- TGAT 1 : ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ คะแนนเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 20-30 คะแนน (คิดเป็น 33% ของผู้สอบ)
- TGAT 2 : ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล คะแนนเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 30-40 คะแนน (คิดเป็น 26% ของผู้สอบ)
- TGAT 3 : สมรรถนะการทำงานในอนาคต คะแนนเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 60-70 คะแนน (คิดเป็น 36% ของผู้สอบ)
TPAT
- คะแนนเต็ม 100 คะแนน
TPAT 2
- ศิลปกรรมศาสตร์: 40-50 คะแนน (49% ของผู้สอบ)
- ทัศนศิลป์ : 40-50 คะแนน (39% ของผู้สอบ)
- ดนตรี : 30-40 คะแนน (41% ของผู้สอบ)
- นาฏศิลป์ : 60-70 คะแนน (39% ของผู้สอบ)
TPAT 3
- วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์: 40-50 คะแนน (32% ของผู้สอบ)
TPAT 4
- สถาปัตยกรรมศาสตร์: 60-70 คะแนน (32% ของผู้สอบ)
TPAT 5
- ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์: 70-80 คะแนน (42% ของผู้สอบ)
คะแนนสอบ TGAT ใช้ยื่นอะไร
คะแนน TGAT สามารถใช้ยื่นสมัครเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยผ่านระบบ TCAS ได้ 3 รอบ ดังนี้
- รอบแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) : คะแนน TGAT จะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาร่วมกับผลงานอื่นๆ ของผู้สมัคร
- รอบโควตา : คะแนน TGAT จะใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้มีสิทธิ์เข้าสอบ
- รอบ Admission : คะแนน TGAT จะใช้เป็นคะแนนในการคัดเลือกผู้เข้าศึกษาต่อ
TGAT ใช้ยื่นคณะอะไรได้บ้าง?
TGAT เหมาะกับคณะที่ไม่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง เช่น แพทย์ หรือวิศวะ แต่จะเน้นทักษะทั่วไป เช่น การคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม เป็นต้น
✅ ตัวอย่างคณะที่ใช้ TGAT:
- คณะนิเทศศาสตร์
- คณะรัฐศาสตร์
- คณะบริหารธุรกิจ / การบัญชี
- คณะเศรษฐศาสตร์ (บางแห่ง)
- คณะศิลปศาสตร์ / อักษรศาสตร์
- คณะครุศาสตร์ / ศึกษาศาสตร์
- คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
- คณะนิติศาสตร์
หมายเหตุ: บางคณะอาจใช้ TGAT ร่วมกับ A-Level หรือ TPAT ด้วยนะ อย่าลืมตรวจสอบเกณฑ์แต่ละรอบก่อนสมัคร
มหาวิทยาลัยยอดฮิตที่ใช้คะแนน TGAT
🏛 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- คณะนิเทศศาสตร์ → ใช้ TGAT 1 และ 2
- คณะอักษรศาสตร์ → ใช้ TGAT 1
- คณะเศรษฐศาสตร์ (อินเตอร์) → ใช้ TGAT + A-Level
🏛 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- คณะรัฐศาสตร์ → ใช้ TGAT 2
- คณะบัญชี / บริหาร → ใช้ TGAT 1 และ 2
- คณะวารสารฯ → ใช้ครบทั้ง TGAT 1, 2, 3
🏛 มหาวิทยาลัยศิลปากร
- คณะมนุษยศาสตร์ → ใช้ TGAT 1 และ 2
- คณะศึกษาศาสตร์ → ใช้ TGAT + A-Level
🏛 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- คณะบริหารธุรกิจ → ใช้ TGAT ครบทั้ง 3 พาร์ต
- คณะนิติศาสตร์ → ใช้ TGAT 2 เป็นหลัก
ข้อสอบ TPAT คืออะไร
TPAT ต่างจาก TGAT อย่างไร ?
- TGAT ทดสอบทักษะทั่วไปที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา
- TPAT ทดสอบทักษะเฉพาะที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อและประกอบอาชีพในสายวิชาชีพ เน้นทักษะเชิงปฏิบัติ และความรู้เฉพาะทาง
เปรียบเทียบ TGAT TPAT A-Level คืออะไร
ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย TGAT TPAT A-Level เป็นระบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของการสอบ เน้นการวัดความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ
ระบบ | รายละเอียด |
TGAT | วัดทักษะทั่วไปที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีม |
TPAT | วัดทักษะเฉพาะที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อและประกอบอาชีพในสายวิชาชีพ เน้นทักษะเชิงปฏิบัติ ความรู้เฉพาะทางและความคิดสร้างสรรค์ |
A-Level | วัดความรู้และทักษะเชิงวิชาการ เน้นการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริงและความคิดวิเคราะห์เชิงวิชาการ |


สมัครสอบ TGAT
1. เข้าสู่ระบบ
- ไปที่เว็บไซต์ สมัครสอบ tgat
- เข้าสู่ระบบด้วยรหัสประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวนักเรียน หรือเลขพาสปอร์ต
- ไปที่หน้า “ข้อมูลการสมัครสอบ”
- เลือก “ดูรายละเอียดและสมัครสอบ”
2. เลือกวิชาและสนามสอบ
- เลือกวิชาที่ต้องการสอบ
- เลือกสนามสอบ (5 สนาม)
- ตรวจสอบวันสอบของแต่ละวิชา
3. เลือกประเภทข้อสอบ
- เลือกสอบแบบกระดาษ หรือ คอมพิวเตอร์
4. สมัครสอบแบบกระดาษ
- เลือกสนามสอบทั้ง 5 สนาม
- กรณีค้นหาสนามสอบไม่เจอ ให้ดูรายชื่อสนามสอบทั้งหมด
5. สมัครสอบแบบคอมพิวเตอร์
- เลือกสนามสอบแบบกระดาษ (สำหรับสำรอง)
- ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง
- บันทึกรายการ
6. ยืนยันการสมัคร
- ตรวจสอบข้อมูลและยอดเงิน
- ยืนยันการสมัคร
- เลือกช่องทางรับรหัส OTP
- กรอกรหัส OTP
- พิมพ์ใบแจ้งชำระเงิน
7. ชำระเงิน
- ชำระเงินตามใบแจ้งชำระ
- เก็บใบเสร็จรับเงิน
ตารางสอบ TGAT TPAT A-Level 2567
วันที่ | วันสอบ TGAT TPAT A-Level |
1 – 20 กันยายน 2567 | TGAT/TPAT68 |
29 ตุลาคม – 5 พฤษจิกายน 2567 | สมัคร TPAT1 วิชาเฉพาะ กสพท |
7 – 9 ธันวาคม 2567 | สอบ TGAT/TPAT2-5 |
14 ธันวาคม 2567 | สอบ TPAT1 วิชาเฉพาะ กสพท |
17 ธันวาคม 2567 | ประกาศผลสอบ TGAT/TPAT (สอบด้วยคอมพิวเตอร์) |
7 มกราคม 2568 | ประกาศผลสอบ TGAT/TPAT (สอบด้วยกระดาษ) |
5 กุมภาพันธ์ 2568 | มหาวิทยาลัยกำหนดวันรับสมัครเอง |
2 พฤษภาคม 2568 | ประกาศผลในระบบ mytcas |
6-12 พฤษภาคม 2568 | รับสมัครระบบ Admission |
20 พฤษภาคม 2568 | ประกาศผล Admission ครั้งที่ 1 |
25 พฤษภาคม 2568 | ประกาศผล Admission ครั้งที่ 2 |
27 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน 2568 | ระบบ Direct Admission |
6 มิถุนายน 2568 | ประกาศผล Direct Admission ครั้งที่ 1 |
17 มิถุนายน 2568 | ประกาศผล Direct Admission ครั้งที่ 2 |
เทคนิคการเตรียมตัวสอบ TGAT ให้ได้คะแนนสูง ฉบับ Easy to be Expert
สอบ TGAT ใกล้เข้ามาแล้ว! ถ้าอยากพิชิตคะแนนสูงเพื่อยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในฝันผ่านระบบ TCAS ไม่ต้องเครียด เพราะเรามีเทคนิคเด็ดๆ ที่จะช่วยให้น้องๆ เตรียมตัวสอบ TGAT ได้อย่างมั่นใจ แถมคะแนนปังแน่นอน! มาดูกันว่า TGAT แต่ละพาร์ทต้องเตรียมยังไงให้เป๊ะ ไปลุยกันเลย!
TGAT 1 : ภาษาอังกฤษ – พิชิต 80+ ไม่ยากอย่างที่คิด
TGAT 1 วัดทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ เน้นใช้จริงในชีวิตประจำวัน มีเวลา 60 นาที 60 ข้อ คะแนนเต็ม 100 ถ้าอยากได้คะแนนสูง ต้องฝึกให้ครบ 2 ทักษะนี้:
เทคนิคเด็ด TGAT 1
- ฝึกบทสนทนา (Speaking Skill): ลองทำโจทย์จาก TOEIC Part Speaking เพราะ TGAT 1 คล้ายกันมาก! ฝึกวันละ 20 ข้อ โดยเฉพาะการเติมบทสนทนาสั้น-ยาว จับ Pattern คำตอบ เช่น “Thank you” มักตามด้วย “You’re welcome”.
- อ่านเก่ง (Reading Skill): ฝึก Cloze Test เติมคำในช่องว่าง เน้นคำศัพท์พื้นฐาน เช่น “because”, “however” และฝึกจับใจความจากข้อความสั้นๆ 10-15 บรรทัด
- เดาข้อสอบฉลาดๆ: ถ้าไม่แน่ใจ ให้เลือกคำตอบที่ยาวและละเอียดที่สุด มักถูกบ่อย!
เคล็ดลับ: จำไวยากรณ์พื้นฐานให้แม่น เช่น Subject-Verb Agreement (He goes / They go) และ Tenses (Present, Past) เพราะ TGAT ออกบ่อยมาก!
TGAT 2 : การคิดอย่างมีเหตุผล – คะแนนพุ่งด้วยตรรกะ
TGAT 2 ทดสอบการวิเคราะห์และตรรกะ 60 ข้อ 60 นาที คะแนนเต็ม 100 ครอบคลุม 4 ทักษะ (ภาษา, ตัวเลข, มิติสัมพันธ์, เหตุผล) มาดูเทคนิคที่ทำให้คะแนนพุ่ง:
เทคนิคเด็ด TGAT 2
- ภาษา (20 ข้อ): ฝึกอ่านจับใจความจากข้อความสั้นๆ แล้วลองสรุปใน 1 ประโยค เช่น “ข้อความนี้เกี่ยวกับอะไร?”
- ตัวเลข (20 ข้อ): ฝึกอนุกรม (1, 3, 5 = +2) และโจทย์เปรียบเทียบ (เช่น 5x > 10 ลอง代ค่า x=3) ให้คล่องใน 10 วินาที
- มิติสัมพันธ์ (20 ข้อ): วาดรูปช่วย! โจทย์พับกระดาษหรือหมุนภาพ อย่าคิดในหัวเด็ดขาด
- เหตุผล (20 ข้อ): ฝึกตัดตัวเลือกที่ไม่สมเหตุสมผลออก เช่น ถ้าโจทย์ถาม “สรุปอะไรได้” ให้หาคำตอบที่ครอบคลุมที่สุด
เคล็ดลับ: ทำโจทย์เก่า TGAT 2 วันละ 30 ข้อ แล้วจับเวลาจริง ช่วยให้ชินกับความกดดัน!
TGAT 3 : สมรรถนะการทำงาน – คิดวิเคราะห์ให้เป็น
TGAT 3 วัดทักษะการทำงานในอนาคต 40 ข้อ 60 นาที คะแนนเต็ม 100 เป็นข้อสอบเลือกได้หลายคำตอบ เน้นการแก้ปัญหาและทำงานเป็นทีม มาดูวิธีเก็บคะแนน:
เทคนิคเด็ด TGAT 3
- Design Thinking 5 ขั้นตอน: จำให้เป๊ะ (Empathize → Define → Ideate → Prototype → Test) เช่น โจทย์ “ออกแบบแอปช่วยนักเรียน” ขั้นต่อไปของ Prototype คือ Test!
- แก้ปัญหา (15 ข้อ): อ่านโจทย์ 2 รอบ หาคีย์เวิร์ด เช่น “ปัญหาคืออะไร” แล้วเลือกคำตอบที่แก้ได้ตรงจุด
- บริหารอารมณ์ (15 ข้อ): โจทย์มักให้สถานการณ์ (เช่น เพื่อนทะเลาะกัน) เลือกคำตอบที่แสดงการควบคุมอารมณ์และเข้าใจผู้อื่น
- พลเมือง (15 ข้อ): มองหาคำว่า “ชุมชน+ส่วนร่วม” ในตัวเลือก ถ้าไม่มี ตัดทิ้งเลย!
เคล็ดลับ: ฝึกจำลองสถานการณ์จริง เช่น “โรงเรียนน้ำท่วม จะแก้ยังไง?” แล้วลองตอบเป็นข้อๆ
ตารางฝึกสอบ TGAT 30 วัน คะแนนพุ่งแน่นอน!
เพื่อให้ TGAT ทั้ง 3 ส่วนเข้าถึงคะแนนสูงสุด ลองใช้ตารางนี้:
- สัปดาห์ 1: TGAT 1 ฝึกภาษาอังกฤษ 60 ข้อ/วัน + ทบทวนคำศัพท์ 50 คำ
- สัปดาห์ 2: TGAT 2 ทำโจทย์ตรรกะ 30 ข้อ + มิติสัมพันธ์ 20 ข้อ/วัน
- สัปดาห์ 3: TGAT 3 จำลองสอบเต็ม 40 ข้อ จับเวลา 60 นาที
- สัปดาห์ 4: ทำข้อสอบเก่า TGAT ทั้ง 3 ส่วน วันละ 1 ชุด (200 ข้อ)
Download Free ข้อสอบ TGAT สำหรับเตรียมสอบ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ TGAT (FAQ TGAT)
TGAT ใช้ยื่นคณะไหนได้บ้าง?
TGAT ใช้ยื่นได้เกือบทุกคณะใน TCAS เช่น วิศวะ (เน้น TGAT 2), แพทย์ (ใช้ TGAT 1+3), บริหาร, นิเทศ (เน้น TGAT 3) ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย
TGAT กับ GAT เดิมต่างกันยังไง?
TGAT เน้นวัดทักษะจริง เช่น ภาษาอังกฤษ การคิดวิเคราะห์ และการทำงานเป็นทีม ขณะที่ GAT เดิมเน้นการเชื่อมโยงและการใช้ภาษาทั่วไป
TGAT คะแนนเต็มเท่าไหร่ และควรได้เท่าไหร่ถึงจะดี?
TGAT คะแนนเต็ม 300 คะแนน (แบ่งเป็น 3 พาร์ต พาร์ตละ 100) หากได้มากกว่า 200 ถือว่าอยู่ในระดับดี พร้อมยื่นคณะยอดนิยมได้
TGAT ต้องสอบทุกพาร์ตไหม?
ไม่จำเป็น! แต่ละคณะจะกำหนดว่าต้องใช้พาร์ตไหน เช่น TGAT 1 อย่างเดียว หรือ TGAT 1 + 2 แล้วแต่เกณฑ์ของมหาวิทยาลัย
TGAT คะแนนเต็มเท่าไหร่ และควรได้เท่าไหร่ถึงจะดี?
TGAT คะแนนเต็ม 300 คะแนน (แบ่งเป็น 3 พาร์ต พาร์ตละ 100) หากได้มากกว่า 200 ถือว่าอยู่ในระดับดี พร้อมยื่นคณะยอดนิยมได้