ติวสอบ SAT Math Reading Writing สมัครสอบ College Board
Table of Contents
น้องๆระดับ high school หรือ International Student ที่กำลังจะสอบ SAT คงอยากจะรู้ว่า สอบ SAT คือ? ใช้ยื่นอะไรได้บ้าง? ค่าสอบ? ข้อสอบออกอะไรบ้าง ควรได้คะแนนเท่าไหร่ ถึงจะสอบติดในคณะในฝันได้ และเรื่องอื่นๆ เช่น หากสมัครสอบไปแล้ว สนามสอบเต็ม หรือ ได้สนามสอบที่ไกลมากจะทำอย่างไรดี พี่ๆก็มีคำตอบให้ และสำหรับน้องๆ คนไหนที่กำลังหาที่เรียน SAT ไม่ว่าจะติวกลุ่ม หรือ ติว ตัวต่อตัว ทางพี่มีก็มีติวนะ
สอบ SAT คืออะไร ?
SAT ย่อมาจาก Scholastic Aptitude Test SAT คือ ข้อสอบสำหรับเข้ามหาลัย ปริญญาตรี หลักสูตรอินเตอร์ ข้อสอบมี 2 พาร์ทคือ คณิตศาสตร์ (Math) และ อังกฤษ (Reading & Writing)
คะแนนเต็มพาร์ทละ 800 คะแนน ทั้ง 2 พาร์ท คะเเนนเต็มรวมทั้งหมด 1600 คะแนน
สำหรับน้องๆ ที่สนใจสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ของทาง College Board โดยปีหนึ่งจะมีตารางสอบอยู่ 4-5 ครั้ง สำหรับค่าสอบจะอยู่ราวๆประมาณ $100.50
College Board
College Board เป็นองค์กรที่รับผิดชอบในการจัดสอบ SAT โดยจะเปิดสอบ 4 ครั้งต่อปี ซึ่งในปัจจุบัน ข้อสอบ SAT เป็นที่ยอมรับของมหาวิทยาลัยต่างๆ จากทั่วโลก ในการใช้คัดเลือกผู้สอบเข้า โดยเฉพาะหลักสูตรที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นการเรียน การสอน
สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสอบ SAT จะต้องสร้าง Account College Board ก่อนถึงจะสามารถสมัครสอบได้ และ ยังใช้ในการติดตามตารางสอบ SAT ประจำปีได้
ภาพรวม สอบ SAT
Scholastic Aptitude Test หรือ SAT ข้อสอบประกอบไปด้วย 2 พาร์ท คือ
Evidence-Based Reading & Writing ใช้เวลา 1 ชม. 40 นาที (คะแนนเต็ม 800) ข้อสอบ SAT แบ่งเป็น 2 Section
Section 1 Reading Test มีจำนวน 52 ข้อ โดยให้ระยะเวลา 65 นาที
Section 2 Writing and Language Test มีจำนวน 44 ข้อ จาก 4 บทความ โดยให้ระยะเวลา 35 นาที
SAT Mathematical Reasoning ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาที (คะแนนเต็ม 800) ข้อสอบ SAT แบ่งเป็น 2 Section
Section 3 Math Test – No Calculator มี 20 ข้อ เป็น Choice 16 ข้อ และเติมคำตอบ 4 ข้อ
Section 4 Math Test – Calculator มี 38 ข้อ เป็นทั้งแบบ Choice และ เติมคำตอบ
สรุปภาพรวม สอบ SAT ออก Math 58 ข้อ , Reading 52 ข้อ , Writing and Language 44 ข้อ คะแนนที่น้องทำได้จะเป็นคะแนนดิบ (raw score) หลังจากนั้นจะถูกแปลงเป็นคะแนนรวม SAT ในช่วง 400-1600
สอบ SAT Math
SAT Math Test – Calculator เป็นข้อสอบคณิตศาสตร์ที่สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ ข้อสอบมีทั้งหมด 38 ข้อ ให้เวลาทำ 55 นาที
รูปแบบคำถามข้อสอบ SAT Math มีแบบ Multiple Choice จำนวน 30 ข้อ และแบบ grid-in จำนวน 8 ข้อ
เนื้อหาที่ออกสอบประกอบไปด้วย Heart of Algebra 11 ข้อ, Problem Solving and Data Analysis 17 ข้อ, Passport to Advanced Math 7 ข้อ และ Additional Topics in Math 3 ข้อ
เทคนิคทำข้อสอบ SAT Math ให้ได้ 800 คะแนนเต็ม
1. ทำความเข้าใจกับโครงสร้างข้อสอบ SAT Math ชอบออกเรื่องไหนมากสุด ไปถึง เรื่องไหนอ่านน้อยสุด
Heart of Algebra ข้อสอบออกประมาณ 33%
Number system (ระบบจำนวน)
Basis Algebra (สมการพื้นฐาน)
Slope of line (ความชันของเส้นตรง)
Linear equation (สมการเชิงเส้น)
Functions (ฟังก็ชัน)
Inequalities (อสมการเส้นตรง)
Problem Solving and Data Analysis ข้อสอบออกประมาณ 29%
Ratio and Proportion (อัตราส่วน สัดส่วน)
Percentage (ร้อยละ)
Statistics (สถิติ)
Probability (ความน่าจะเป็น)
Unit Conversion (การแปลงหน่วย)
Passport to Advance Math ข้อสอบออกประมาณ 28%
Exponents and Powers (ระบบเลขยกกำลัง)
Polynomials (พหุนาม)
Quadratic Equation and Quadratic Expression (สมการกำลังสอง)
Radical and rational equations (แก้สมการติดรูท)
Trigonometry (ตรีโกณมิติ)
Additional Topics on Math ข้อสอบออกประมาณ 10%
Lines and Angles (เส้นและมุม)
Triangles (สามเหลี่ยม)
Quadrilaterals (สี่เหลี่ยม)
Circles (วงกลม)
Surface Areas and Volume (พื้นที่ผิวและปริมาณ)
2. ฝึกใช้เครื่องคิดเลขให้ชำนาญ
ข้อสอบ SAT อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขในส่วนที่ 4 ได้เพราะฉะนั้นควรฝึกใช้เครื่องคิดเลขให้ชำนาญ
3. ฝึกทำข้อสอบ (SAT Math Practice) ให้เหมือนสอบจริง โดยแบ่งเวลาดังนี้
ส่วนการอ่าน | 65 นาที |
พักเบรกที่ 1 | 10 นาที |
ส่วนการเขียนและภาษา | 35 นาที |
ส่วนคณิตศาสตร์ (ห้ามใช้เครื่องคิดเลข) | 25 นาที |
พักเบรกที่ 2 | 5 นาที |
ส่วนคณิตศาสตร์ (ใช้เครื่องคิดเลขได้) | 55 นาที |
สอบ SAT Reading
ข้อสอบในพาร์ทนี้ มี 52 ข้อ (52 Questions) เวลาในการทำสอบ 65 นาที (65 minutes) โดยข้อสอบจะให้ 5 เรื่อง 6 บทความ
ใน 1 บทความจะคำอยู่ประมาณ 500-700 คำ
เรื่องที่มักออกสอบประจำเช่น วรรณกรรมอเมริกา , วรรณกรรมโลก บทความทางประวัติศาสตร์และสังคม , บทความวิทยศาสตร์ สำหรับคำถามแต่ละบทความจะอยู่ที่ 10-11 ข้อ
เทคนิคทำข้อสอบ SAT READING
1. ลักษณะคำถามสำคัญที่จะพบใน SAT Critical Reading พาร์ทนี้คือคำถามที่เกี่ยวกับ purpose จุดประสงค์, central idea ใจความสำคัญ, main idea และ general structure โครงสร้างพื้นฐาน
2. Purpose จุดประสงค์ของบทอ่าน SAT หลักๆ ประกอบด้วย examine (ตรวจสอบ), prove a point (พิสูจน์ประเด็น), และ tell a story (เล่าเรื่อง) ฉะนั้นผู้สอบจะต้องระบุจุดประสงค์ของบทอ่านให้ได้โดยสังเกตจากโครงสร้างและการใช้คำ
3. Central idea คำถามที่ถามถึงใจความสำคัญที่เป็นภาครวม (big picture) ซึ่งมักถามเกี่ยวกับ author’s point of view, the primary purpose of the passage, the rhetorical strategy of the author ให้ข้ามไปตอบข้อที่ถามรายละเอียด (detailed question) ก่อน และอ่านจบค่อยย้อนกลับมาทำ
4. หากเป็นคำถามรายละเอียดปลีกย่อย (detailed question) ต้องให้ความสนใจกับแต่ละประโยคในบทอ่านมากขึ้น โดยใช้วิธี scan หรืออ่านอย่างเร็วเพื่อหาคำสำคัญ keywordที่ปรากฏร่วมทั้งในบทอ่านและคำถาม โดยคำถามมักเรียงตามบรรทัดหรือระบุบรรทัดมาให้
5. Reasonable Inferences คือเป็นคำถามที่สรุปใจความ หรือ คนเขียนพยายามสื่อว่าอะไร การทำข้อสอบลักษณะนี้เน้นไปที่การคิดวิเคราะห์ความหมายของประโยคและเป็นการพยายามเข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะสื่อออกมา โดยมักจะถามว่า “It can reasonably be inferred that…”
“The passage / author indicates that…” เป็นต้น
6. มันฝึกทำ SAT Reading Practice จากเว็บ khan academy
สอบ SAT Writing
SAT Writing and language (44 multiple choice questions / 35 minutes) ในพาร์ทนี้จะมีคำถาม 44 ข้อโดยแบ่งเป็น 4 passage มีเวลาในการให้ทำข้อสอบส่วนนี้ 35 นาที แต่ละบทความจะมีความยาวประมาณ 400-450 คำ บทความที่มักออกสอบคือ บทความเกี่ยวกับอาชีพ , บทความเกี่ยวกับมนุษยศาสตร์ , บทความเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือสังคมศาสตร์ , บทความเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
เทคนิคทำข้อสอบ SAT Writing
เทคนิคทำข้อสอบ SAT Writing Section ประกอบด้วย 2 พาร์ท ได้แก่
Grammatical Error – การแก้ไขไวยากรณ์ให้ถูกต้อง
Editing – การแก้ไขใจความประโยค
โดยมีหัวข้อทางไวยากรณ์และโครงสร้างประโยคที่ต้องพิจารณาดังนี้
1. Sentence structure โครงสร้างประโยค (sentence structure) โดยพิจารณาความเหมาะสมของประธานและกริยา (subject verb agreement) การวางตำแหน่งของคำต่างๆ ในประโยคและความสมบูรณ์ของประโยคว่ามีคำกริยาแท้เกินมาหรือไม่ หรือขาดคำกริยาแท้หรือไม่
2. Verb form รูปคำกริยา โดยพิจารณาถึงพจน์ของ คำกริยา (verb tenses) ว่าเป็นเอกพจน์ (singular verb) หรือพหูพจน์ (plural verb) และรูปกรรมควรเป็น active voice หรือ passive voice เช่น ในกรณีที่ประธานถูกกระทำรูปกรรมของคำต้องเป็น passive voice ใช้โครงสร้าง V. To BE + v.3
3. Punctuation การใช้เครื่องหมายต่างๆ เช่น comma splice ( , ) ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็มองข้ามไม่ได้ เช่น การใช้ ; จะใช้กับคำเชื่อมแค่บางคำเท่านั้น เช่น however, therefore, moreover ไม่สามารถใช้กับ and, but, or, so เป็นต้น
4. Sentence replacement การย้ายประโยค การแทนที่ การแทรก หรือตัดออก ต้องพิจารณาความเหมาะสมในภาครวม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแล้วไม่ทำให้ใจความเสียไป โดยเน้นหลัก shorter กระชับขึ้น, clearer ชัดเจนขึ้น, more logical สมเหตุสมผลมากขึ้น
5. Transitions การใช้คำเชื่อม โดยพิจารณาจากความสัมพันธ์ของประโยคว่าเป็นแบบใด ขัดแย้งกันหรือไม่ (Contrast) , สนับสนุนกันหรือไม่ (Continuer) , เป็นเหตุและเป็นผลต่อกันหรือไม่ (Cause and Effect) , เป็นตัวเปิดประเด็น และ ตามคำอธิบายตัวอย่างหรือไม่ (Examples/ Expositions)
สมัครสอบ SAT Registration อย่างไร ?
ขั้นตอนการสมัครสอบ SAT Registration นั้น ไม่ยากจนเกินความสามารถของทุกๆคนอย่างแน่นอนค่ะ โดยให้เริ่มจากการเข้าเว็บไซต์ของ College Board กด Register now แล้วทำตามขั้นตอน ดังนี้
1. เลือกเมนู Create account สำหรับใช้งานเว็บ College Board Account หรือหากใครเคยมีข้อมูลอยู่แล้ว ให้ทำการ Sign in ได้เลย
2. สร้างแอคเคาน์ของเราเอง โดยกรอกข้อมูลส่วนตัวตามที่ระบบขอ สร้าง Username และ Password ไว้ใช้สำหรับเข้าระบบ
3. ระบบจะขึ้นข้อมูลเกี่ยวกับชื่อ นามสกุล เพศ และวัน เดือน ปี เกิด ให้เราตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง จากนั้นกด Confirm
4. กด Continue ในหน้าเว็บที่ขึ้นว่าเราได้สร้างแอคเคาน์สำเร็จแล้ว และกด Continue อีกครั้งในหน้าที่แสดงขั้นตอนการสมัครสอบแบบภาพรวมให้เราดู
5. กรอกข้อมูลส่วนตัวตามที่ระบบให้กรอก โดยทั่วไปจะเน้นไปที่ข้อมูลด้านการเรียนของตัวเราเอง รวมไปถึงข้อมูลการทำกิจกรรมที่เราสนใจ และข้อมูลการเรียนต่อที่เราวางแผนไว้
6. จากนั้นเลือก I agree to the SAT Terms and Conditions. เพื่อยอมรับเงื่อนไขของทาง Scholastic Assessment Tests
7. เลือก test day และสนามสอบ จากนั้นทำการอัพโหลดรูปถ่าย
8. ตรวจสอบข้อมูลที่ระบบสรุปมาให้อีกครั้ง จากนั้นทำการชำระเงิน โดยชำระได้ทั้งการตัดบัตรเครดิตและ Paypal
9. หลังจากนั้นจะมี Admission Ticket ให้เรา Print เพื่อนำไปยื่นคู่กับพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนตัวจริงในวันสอบ เราจะ Print ไว้เลยหรือจะเข้าระบบมา Print ภายหลังอีกครั้งก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ค่าสอบ SAT เท่าไร ?
ค่าสมัครจะอยู่ที่ $100.50 กรณี สมัครล่าช้า จะมีค่าใช้จ่าย $29 สำหรับคนที่สมัครก่อนสอบ วันสอบ SAT ไม่ถึง 1 เดือน
สำหรับการชำระเงินค่าสมัครจะชำระโดยบัตรเดรดิต หรือ PayPal แนะนำควรสมัครล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน
สนามสอบ SAT Test สอบที่ไหน ?
สนามสอบ SAT จะสอบอยู่ตามโรงเรียนอินเตอร์ในไทย ในกรุงเทพ และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่เช่น เชียงใหม่ , ชลบุรี , สมุทรปราการ , ภูเก็ต
น้องสามารถเช็คสนามสอบ (ตามข้อมูลภาพด้านล่าง)
ส่วนกรณีที่น้องสมัครสอบ ไปแล้ว “สนามสอบเต็ม” หรือ “สนามที่ได้ไกล” ให้เลือกเมนู “let us find you a test center”ตอนสมัคร ที่เว็บ College Board
จากนั้นจะมีรายชื่อศูนย์สอบต่าง ๆ ขึ้นมาให้เรากดเลือกสนามสอบที่ต้องการ เพื่อรอเป็น Waiting List ของศูนย์สอบนั้น ๆ
และภายใน 1-3 สัปดาห์ทางศูนย์สอบจะติดต่อกลับหาน้องๆ เพื่อ Confirm ที่นั่งสอบ ในกรณีที่ไม่มีที่นั่ง ทางศูนย์สอบจะทำการ Refund คืนเงินค่าสมัครให้กับน้อง
ติวสอบ SAT โดย พี่เปิ้ล CHULA TUTOR
คอร์ส ติว SAT ของเราเป็นคอร์สกลุ่มเล็ก ไม่เกิน 10คน/ห้อง ทำให้ดูแลได้อย่างทั่วถึง น้องๆสามารถถามได้ทันที ที่สงสัย
สอนโดย พี่เปิ้ลและทีมอาจารย์ ที่มากประสบการณ์ในการสอน จึงทำให้น้องๆ มั่นใจได้ว่า คอร์ส ติว คอร์สเดียวสอนทั้ง Math และ Verbal ทั้ง 2 พาร์ท
โดยเนื้อหาหลักสูตรภายในคอร์ส จะสอนตั้งแต่พื้นฐานคณิตศาสตร์ การใช้สูตร คำศัพท์ แบบฝึกหัด จนไปถึง ตัวอย่างข้อสอบ รอบล่าสุด และ ที่พลาดไม่ได้คือ เก็งข้อสอบให้กับน้องๆ ในการพิชิตข้อสอบ
รหัสคอร์ส | วันเรียน | รอบ | เวลา | หมายเหตุ | เหลือที่นั่ง | อาจารย์ |
SB010423 | 1 เม.ย. - 30 เม.ย. | ส-อา | 10:00-16:00 | จองที่นั่ง
|
4 | เปิ้ล |
SB060523 | 6 พ.ค. - 28 พ.ค. | ส-อา | 10:00-16:00 | [เต็มแล้ว] |
0 | เปิ้ล |