TOEFL listening

ข้อสอบ TOEFL Listening ประเภท Internet Base Testing (iBT) คือ ข้อสอบพาร์ทการฟังของการสอบ TOEFL (iBT) ซึ่งเป็นพาร์ทที่ต้องใช้สมาธิในการทำข้อสอบเป็นอย่างมากอีกพาร์ทหนึ่ง เพราะเราจะต้องเก็บข้อมูลต่างๆผ่านการฟัง หากมีคำศัพท์ที่ไม่คุ้น หรือไม่ค่อยได้ใช้ทักษะนี้อาจจะทำให้เราได้ข้อมูลไม่เพียงพอ หรืออาจจะเข้าใจข้อมูลของข้อสอบผิดไปก็ได้ ดังนั้น การเตรียมตัวในพาร์ทนี้จึงเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยค่ะ และวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับข้อสอบ TOEFL Listening iBT กันให้มากขึ้น

 

มารู้จักลักษณะข้อสอบ TOEFL Listening ประเภท iBT แบบคร่าวๆกันก่อน

ข้อสอบ TOEFL Listening เป็นพาร์ทที่ต้องการทดสอบทักษะการฟังภาษาอังกฤษในระดับวิชาการ ให้เวลาในการทำข้อสอบทั้งหมด 60-90 นาที โดยจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน ดังนี้

  1. Academic Lecture เป็นการให้ผู้เข้าสอบฟังบรรยายสถานการณ์จำลองต่างๆ ประมาณ 4-6 เรื่อง ใช้เวลาในการฟังเรื่องต่างๆประมาณ 3-5 นาทีต่อเรื่อง และจะมีคำถามของเรื่องนั้นๆประมาณเรื่องละ 6 ข้อ
  2. Conversation เป็นการทำข้อสอบการฟังจากบทสนทนา โดยจะมีเรื่องให้เราฟังประมาณ 2-3 เรื่อง แต่ละเรื่องนั้นจะใช้เวลาในการฟังประมาณเรื่องละ 3 นาที มีข้อคำถามในแต่ละเรื่องประมาณ 5 ข้อ/เรื่อง

ข้อดีของการสอบ TOEFL Listening ประเภท iBT คือ เราจะได้ฟังผ่านหูฟังส่วนตัว ซึ่งจะมีความชัดเจนดีกว่าการฟังจากลำโพงรวม

 

ข้อสอบ TOEFL Listening ประเภท iBT มีเกณฑ์การให้คะแนนอย่างไร

คะแนนของข้อสอบ TOEFL Listening จะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 0-30 คะแนน หรืออธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ มีคะแนนเต็ม 30 คะแนนนั่นเอง ซึ่งการคิดคะแนนของพาร์ทนี้ก็ไม่ซับซ้อน ข้อใดตอบถูก ข้อนั้นได้ 1 คะแนน ซึ่งก็จะรวบรวมเป็นคะแนนดิบไปเลย โดยคะแนนรวมของพาร์ทนี้ จะถูกนำมาแบ่งเป็นเกณฑ์ได้ 4 ระดับ คือ

  • 22-30 คะแนน คือ ระดับ Advance
  • 17-21 คะแนน คือ ระดับ High-Intermediate
  • 9-16 คะแนน คือ ระดับ Low-Intermediate
  • 0-8 คะแนน คือ ระดับ Below-Intermediate

 

เตรียมตัวอย่างไรดี ก่อนลงสนามสอบไปเจอกับ TOEFL Listening ประเภท iBT

สำหรับการทำข้อสอบ TOEFL Listening เป็นพาร์ทที่เราต้องเก็บรายละเอียดข้อมูลต่างๆเพื่อนำไปตอบคำถามโดยการใช้ทักษะการฟัง แน่นอนว่าก่อนที่จะลงสนามสอบจริงเราก็ต้องมีการเตรียมตัวกันก่อน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทำข้อสอบโดยจะต้องมีการจับเวลาเท่ากับสนามสอบจริง เพื่อให้รู้ว่าเราทำข้อสอบช้าเกินไปหรือไม่ และที่สำคัญคือ เราต้องฝึกการจดข้อมูลจากการฟังให้ดี เพราะจริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องจดรายละเอียดทุกอย่างที่เราได้ยิน เน้นจดเฉพาะส่วนที่สำคัญที่จะทำให้เราเข้าใจเรื่องราวโดยรวมได้ เพราะหากเราโฟกัสเรื่องข้อมูลว่าต้องจดให้ครบ เราอาจจะพลาดการตั้งใจฟังในส่วนอื่นๆไปได้นั่นเองค่ะ

 

ตัวอย่างคำถามที่ TOEFL Listening ประเภท iBT มักจะออกสอบเป็นประจำ

ลักษณะคำถามของ TOEFL Listening นั้น จะมีสองแบบหลักๆตามเนื้อหาของข้อสอบ ได้แก่

กรณีคำถามที่อยู่ในส่วนของ Lecture อาจจะมีทั้งคำถามที่ถามถึงหัวข้อของการบรรยายว่าเกี่ยวกับอะไร เช่น What is the lecture mainly about? คำถามที่ถามเกี่ยวกับจุดประสงค์บางอย่างในเนื้อเรื่องที่บรรยาย เช่น Why does the professor mention a conversation between two servants? หรืออีกรูปแบบที่เจอบ่อยคือการยกบางช่วงบางตอนของการบรรยายมาแล้วตั้งคำถาม เป็นต้น

ส่วนคำถามที่อยู่ในส่วนของ Conversation นั้น อาจจะขึ้นอยู่กับเรื่องราวต่างๆด้วยว่าเป็นการสนทนาระหว่างใครกับใคร และสนทนาในเรื่องใดบ้าง แต่ก็จะมีลักษณะคำถามให้เราสามารถเตรียมตัวไว้ก่อนได้ ไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ถามถึงความต้องการหรือจุดประสงค์ของผู้ที่อยู่ในบทสนทนา เช่น Why does the student come to the library? คำถามที่ทดสอบความเข้าใจในรายละเอียดของเรื่อง เช่น What does the student need to do before he can use any rare books? หรืออีกแบบคือการยกบทสนทนาบางช่วงบางตอนมา แล้วผู้สอบต้องตอบคำถามที่กำหนดมาให้ เป็นต้น ซึ่งคำถามแต่ละข้อของพาร์ทนี้ อาจจะมีทั้งข้อที่ต้องการคำตอบเพียงข้อเดียว หรือต้องการคำตอบ 2 ข้อก็ได้ โดยโจทย์ข้อที่ต้องการคำตอบ 2 ข้อจะมีการแจ้งกำกับไว้ให้ผู้เข้าสอบทราบ

 

TOEFL Listening ประเภท iBT มีเทคนิคการทำข้อสอบอย่างไรบ้าง

ก่อนจะลงสนามสอบไปเจอกับ TOEFL Listening ของจริง เราก็ต้องมีเทคนิคในการเตรียมตัวและเทคนิคในการทำข้อสอบกันเสียหน่อย ซึ่งวันนี้เราก็ได้นำเทคนิคการทำข้อสอบ TOEFL Listening มาฝากกันด้วย

  • เริ่มต้นจากการทำความคุ้นเคยกับสำเนียง โดยการฝึกฟังเยอะๆและฟังให้หลากหลายสำเนียง เพราะถึงแม้ข้อสอบ TOEFL จะเป็นของอเมริกา แต่ในข้อสอบนั้นอาจจะมีสำเนียงหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นสำเนียงอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
  • ตลอดระยะเวลาการฝึก ต้องไม่ลืมที่จะจับเวลาจริงและพยายามสังเกตจุดอ่อนของตัวเองด้วยว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง เพราะนั่นจะทำให้เราระมัดระวังได้มากขึ้น
  • ในวันสอบจริง ให้เราปรับระดับเสียงให้ดังเล็กน้อย เพื่อความชัดเจนของเสียง มีสมาธิและตั้งใจฟัง
  • ในขั้นตอนของการจดรายละเอียดให้จดเป็น Keyword ไม่ต้องจดทุกอย่างที่เราได้ยิน เพราะการจดทุกอย่างจะยิ่งทำลายสมาธิ

 

แนะนำแหล่งฝึกทำข้อสอบ TOEFL Listening ประเภท iBT

สำหรับใครที่อยากจะลองฝึกทำข้อสอบในคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างบรรยากาศการฝึกฝนให้เหมือนสนามสอบจริงมากยิ่งขึ้น ก็สามารถเข้าไปฝึกได้ที่เว็บไซต์ของ ETS ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของข้อสอบ TOEFL เมื่อเราเข้าไปในเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว ให้เรามองหาเมนู “Free Practice Test” และ ““Launch the TOEFL iBT Free Practice Test” เพียงเท่านี้ก็จะเข้าสู่ระบบการทดลองทำข้อสอบ TOEFL iBT ในพาร์ทต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ TOEFL Listening นั่นเองค่ะ ในโปรแกรมจะมีเสียงให้เราฟังและมีคำถาม ดังรูป

toefl listening ibt

เห็นแบบนี้แล้ว ใครที่ยังไม่ค่อยได้ฝึกหรือยังไม่ทราบแนวข้อสอบ ก็สามารถเข้าไปศึกษาและลองทำข้อสอบกันดูได้เลย

Scroll to Top