เปรียบเทียบคะแนน CU-TEP

หากเปรียบเทียบข้อสอบวัดความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษ CU-TEP กับข้อสอบภาษาอังกฤษ อื่นๆ เช่น TOEFL ,  IELTS , TOEIC จะพบว่ามีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร เช่น

 

ข้อสอบ CU-TEP กับ TOEFL

ข้อสอบสอบ TOEFL จะยากกว่า CU-TEP มาก เพราะว่าจะเป็นการทำข้อสอบที่ได้แยกทักษะออกเป็นถึง 4 ส่วน เมื่อเทียบกับ CU-TEP ที่มีเพียง 3 ส่วนเท่านั้น หากลองวิเคราะห์เป็นส่วน ๆ แล้ว จะพบว่า ใน Speaking นั้นจะมีใน TOEFL แต่ไม่มีใน CU-TEP สำหรับในส่วนของ Writing นั้น ของ cutep จะเป็นลักษณะของกากบาทจับจุดผิดเท่านั้น หากแต่เป็น TOEFL จะเป็นในส่วนของ การเขียนทั้งหมด

โดยต้องอาศัยทั้งความรู้และความคิดในการเสนอไอเดียด้วย ในส่วนของ Reading ไม่ค่อยต่างกันมากเท่าไร เพราะว่ายังคง concept เหมือนๆเดิม แต่จะเป็นเรื่องการใช้คำศัพท์ที่อยู่คนละระดับ และในส่วนสุดท้ายคือ Listening นั้น ของ TOEFL อาจจะต้องใช้การผสมหลายทักษะในการทำด้วย แต่ของ CU-TEP นั้นจะเป็นข้อต่อข้อ ฟังสำนวนบ้างในบางทีเป็นต้นครับ และเป้าหมายการสอบของทั้งสองไม่เหมือนกัน กล่าวคือ cutep ใช้สอบเพื่อเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในระดับ ตรี โท เอก แต่สำหรับ TOEFL นั้นมันเป็นข้อสอบสากลที่สามารถใช้ได้ทั่วโลกเลยทีเดียว

 

ข้อสอบ CU-TEP กับ IELTS

ในส่วนของ IELTS นั้นจะมีการทดสอบอยู่ทั้งหมด 4 ทักษะ โดยที่แต่ละทักษะจะมีเอกลักษณ์ที่เด่นเฉพาะพอสมควร ถ้าเทียบกับของ CU-TEP แล้วนั้น ใน Listening ของ IELTS จะมีทั้งแบบ กากบาท กรอกข้อมูล ดูรูปภาพ แต่ของ CU-TEP เป็นกากบาทเท่านั้น ไม่มีเติมคำ ในส่วนของ Reading ของ IELTS จะมีทั้ง กากบาท จับคู่ ตรวจสอบ True false Not given แต่ของ CU-TEP จะเป็นกากบาททั่วไปและเนื้อเรื่องที่อ่านสั้นกว่ามาก เมื่อเทียบกับ Ietls และส่วนสุดท้ายคือ Writing นั้นของ IELTS จะมีถึงสองเรื่องคือ การเขียนบรรยายกราฟ และการเขียน essay แต่ของ CU-TEP จะเป็นการจับจุดผิดเท่านั้นว่าประโยคนั้นมีอะไรบ้างที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่ต้องมานั่งคิดไอเดียเหมือนกับ IELTS เลยซักนิด

 

ข้อสอบ CU-TEP กับ TOEIC

ข้อสอบ TOEIC อาจจะถือว่าเป็นข้อสอบที่สามารถบอกได้เลยว่าจะต้องอ่านอะไรบ้าง ไม่ยากมากนักหากเทียบกับ ข้อสอบวัดความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษตัวอื่นๆ อย่าง CU-TEP TOEIC TU-GET หรือ TOEFL เพราะข้อสอบจะเน้นการใช้งานจริง เป็นสถานการณ์จริงในชีวิตของคนทำงานทั้งในบริษัท คุยกับลูกค้า ในสนามบิน อ่านป้ายประกาศเป็นต้น ผู้สอบสามารถ log ข้อสอบได้เลยว่า ศัพท์กลุ่มไหนบ้างที่ต้องอ่าน จะไม่ต้องท่องศัพท์แบบกระจายเหมือนกับ cutep บทความที่อ่านของ toeic สามารถ scan หาคำตอบได้เลยไม่ต้องอ่านทั้งเรื่องให้เหนื่อยมาก และในตัวของ listening ก็อยู่ในชีวิตจริงอยู่แล้ว แต่ของ cutep จะต้องไปนั่งท่องสำนวนอะไรมากมายเต็มไปหมด ถึงแม้ทั้งคู่จะมีในส่วนของ grammar เหมือนกันทั้งคู่ แต่ต่างกันตรงที่ของ toeic จะเป็น close test สามารถเลือก choice ได้ แต่ของ cutep เป็น error จับจุดผิดซึ่งจะต้องประมวลผลมากกว่าเป็นเท่าตัวครับ

 

Scroll to Top