CU-TEP คือ

CU-TEP ( Chulalongkorn University Test of English Proficiency )

ข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ที่ทางจุฬาฯ เป็นผู้ออกข้อสอบเอง มีทั้งหมด 3 ส่วน คือ

  1. Listening มีทั้งหมด 30 ข้อ
  2. Reading มีทั้งหมด 60 ข้อ
  3. Writing มีทั้งหมด 30 ข้อ

ข้อละ 1 คะแนนรวมเป็น 120 คะแนน

 

CU-TEP listening

ส่วนที่ 1 จะเป็นการพูดคุยสนทนาระหว่างบุคคลในเหตุการณ์สั้นๆ 

โดยคำถามส่วนใหญ่จะเป็นถามสำนวน การตีความจากเสียงของผู้พูดเป็นหลัก หรือว่าสิ่งที่เขาแนะนำให้ทำต่อไปคืออะไรเป็นต้น

ส่วนที่ 2 จะเป็นการสนทนาที่ยาวขึ้นกว่าเดิม 

โดยข้อสอบมักจะถาม เกี่ยวกับเรื่องว่าใจความหลักที่ทั้งคู่คุยกันนั้นคืออะไร แล้ว tone ของเรื่องเป็นแบบไหน หรืออาจจะเป็นจำนวนสิ่งที่พวกเขาต้องทำต่อไปคืออะไรเป็นต้น ส่วนที่ 3 จะเป็นการบรรยายของอาจารย์ให้จด lecture ในห้องเรื่อง จะเป็นเนื้อหาเชิง academic ไปเลย แต่จริงๆแล้ว โจทย์จะเอาความยาวของเรื่องมาทำให้เราเหนื่อยอ่าน แต่จริงๆจะถามแต่ใจความหลักของเรื่องมากกว่า และคำที่ต้องรู้จักในข้อสอบประเภทนี้คือคำว่า not, except เป็นต้น

 

CU-TEP reading : ข้อสอบจะมี 3 ส่วนคือ

ส่วนที่ 1 cloze test มี 15 ข้อ

โดยข้อสอบจะมี passage มาให้และให้เราเลือกเติมลงในช่องว่าง ซึ่งในตัวของข้อสอบนั้นจะมีทั้งวัดความรู้ทางด้าน คำศัพท์ CU-TEP และ Grammar ในตัว ซึ่งจะใช้ทักษะด้านการเดาศัพท์ของ Context clue เป็นหลัก

ส่วนที่ 2 จะเป็นบทความขนาดสั้นจำนวน 1 บทความ ความยาวประมาณครึ่ง A4 เรื่องที่มักจะออกจะเป็นลักษณะการเขียนจดหมายทั่วไป หรืออาจจะเป็นบทความสั้นๆ ให้ทำ โดยจะมีทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน

ส่วนที่ 3 คือ บทความขนาดยาวประมาณ 4 บทความ ความยาวบทความละ 1 หน้า A4

โดยเนื้อหาที่มักจะออกจะเป็นพวกแนว วิทยาศาสตร์ สังคม ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว และในตัวคำถามที่มักจะเจอคือ ถามชื่อเรื่อง ถาม main idea หรือเป็นพวกการถาม detail ของเรื่องทั้งหมดเป็นหลัก

CU-TEP writing

ข้อสอบจะเป็นลักษณะการวัด error identification หรือจับจุดผิดในตัวของประโยคว่ามีตรงไหนที่ผิด grammar ไปบ้าง โดยจะให้ทำทั้งหมด 30 ข้อ โดยอาจจะเอาประโยคที่ยาวๆ มา หรือสั้นก็ได้ แต่เป้าหมายหลักของตัวข้อสอบเพื่อดูว่าสามารถใช้ไวยากรณ์ได้ถูกต้องแค่ไหน

 

Scroll to Top