IELTS คืออะไร สมัครสอบ IELTS รวมครบเรื่องสอบไอเอล

สอบ ielts
Reading Time: 7 minutes

สอบ IELTS คืออะไร?

IELTS คือ การทดสอบทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษระดับนานาชาติ ย่อมาจาก International English Language Testing System การสอบประกอบด้วย 4 ส่วนที่สำคัญ ได้แก่ การเขียน (Writing) การอ่าน (Reading) การฟัง (Listening) และการพูด (Speaking) คะแนนเต็มสูงสุดคือ 9.0 โดยทั่วไปผลการสอบจะประกาศให้ทราบภายใน 2 สัปดาห์หลังจากสอบ คะแนนสอบมีอายุ 2 ปี ค่าสอบประมาณ 6,900 บาท สามารถเลือกสอบได้ทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นที่ British Council หรือ IDP และผู้สอบที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี จะต้องมีใบยินยอมจากผู้ปกครองเมื่อสมัครสอบ

สอบ IELTS ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

การสมัครสอบ IELTS ทั้งกับ IDP และ British Council จะต้องใช้เอกสารดังต่อไปนี้:

  • บัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (Passport) ที่ยังไม่หมดอายุ
  • ไฟล์รูปถ่ายหน้าตรง (บางศูนย์สอบอาจไม่จำเป็น)
  • ใบยินยอมจากผู้ปกครอง สำหรับผู้สมัครที่อายุต่ำกว่า 18 ปี

สอบ IELTS ออนไลน์ได้ไหม?

สอบ IELTS ออนไลน์ได้แล้ว! โดยเป็นรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า IELTS Online ซึ่งข้อสอบทั้งหมดเหมือนกับแบบสอบในศูนย์สอบ ไม่ว่าจะเป็น Listening, Reading, Writing และ Speaking

สิ่งที่ควรรู้:

  • เปิดสอบเฉพาะ IELTS Academic เท่านั้น
  • ยังไม่รองรับ IELTS General และ UKVI
  • ใช้โปรแกรมเฉพาะจากศูนย์สอบ ซึ่งจะส่งลิงก์ให้หลังสมัคร
  • ต้องมีคอมพิวเตอร์, กล้อง, ไมโครโฟน และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร
  • ผลสอบจะเป็น Digital Report ไม่มีใบคะแนนกระดาษ

เหมาะกับผู้ที่ต้องการสอบจากที่บ้านอย่างสะดวกสบาย พร้อมผลสอบที่รวดเร็วไม่แพ้สอบที่ศูนย์

Menu

Why do you should IELTS exam ?

ใช้คะแนนสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำระดับนานาชาติ และใช้ยื่นสมัครงานในประเทศและต่างประเทศ

IELTS สอบอะไรบ้าง

IELTS Overview

การสอบ IELTS ทดสอบทั้ง 4 ทักษะ คือ Listening, Speaking, Reading และ Writing

IELTS Listening Test

สำหรับผู้ที่เลือกสอบกับ British Council การสอบจะใช้สำเนียงแบบ United Kingdom ส่วนผู้ที่เลือกสอบกับ IDP การสอบจะใช้สำเนียงแบบ Australia โดยข้อสอบจะแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ

สำหรับคนที่เลือกสอบกับ British Council สำเนียงในการสอบจะเป็นแบบ United Kingdom ส่วนคนที่เลือกสอบ IDP สำเนียงในการสอบจะเป็นแบบ Australia โดยข้อสอบจะมีทั้งหมด 4 แบบ คือ

Section 1 บทสนทนาของคู่สนทนา พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน

Section 2 บทพูดของบุคคล 1 คน ที่ยังคงพูดเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน

Section 3 บทสนทนาแบบกลุ่ม โดยเรื่องราวที่พูดคุยเกี่ยวข้องกับเนื้อหาทางวิชาการ

Section 4 บทพูดเชิงวิชาการของบุคคล 1 คน

เทคนิคการทําข้อสอบ Listening

เราต้องพยายามทำความเข้าใจกับโจทย์ก่อนที่จะเริ่มฟัง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้รู้ได้ว่า สิ่งที่เราต้องฟังหรือต้องหาคำตอบนั้นคืออะไร เทคนิค IELTS Listening ต่อมาที่พลาดไม่ได้เลยคือ การสังเกตคำถาม Wh-Question คำถามพวกนี้ต้องฟังให้ดี เพราะนั่นคือคีย์เวิร์ดสำคัญที่จะทำให้เราไม่หลงทาง ทั้งนี้ เรื่องของการสะกดคำและ Grammar ต่าง ๆ ก็ไม่ควรพลาด เนื่องจากการสอบ IELTS Listening นั้น แม้เราจะรู้ว่าคำตอบข้อนั้นคืออะไร แต่หากเราสะกดผิดก็จะไม่ได้คะแนนในข้อนั้นนั่นเอง

IELTS Reading Test

ข้อสอบการอ่าน Reading ประเภทสอบ Academic จะประกอบด้วยบทความทั้งหมด 3 บทความ โดยมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาทางวิชาการ และอาจมีแผนภาพ กราฟ หรือรูปภาพประกอบอยู่ด้วย

ข้อสอบการอ่าน Reading ประเภทสอบ General Training จะประกอบด้วยการอ่าน 3 ส่วน โดยส่วนแรกมีเนื้อหาเรื่องสั้นประมาณ 2-3 บทความ ส่วนที่สองเป็นเรื่องสั้นเกี่ยวกับการทำงาน และส่วนสุดท้ายเป็นบทความยาว 1 บทความ

วิธีการทำข้อสอบ Reading เพื่อให้ได้คะแนนที่ดี

เทคนิคการอ่าน Reading ให้ทันเวลา จะต้องใช้ทักษะการอ่านแบบ Skimming และการอ่านแบบ Scanning เพราะหากเราอ่านทุกตัวอักษรในแต่ละบทความก็จะเสี่ยงในการทำข้อสอบไม่ทัน

การอ่านแบบ Skimming จะเป็นการอ่านอย่างเร็ว ๆ เป็นจุด ๆ โดยเน้นอ่านเพื่อหาใจความสำคัญ และอ่านเพื่อหารายละเอียดที่สำคัญ ๆ ของบทความนั้น ๆ

การอ่านแบบ Scanning จะเป็นการอ่านแบบผ่าน ๆ สนใจเฉพาะประเด็นที่เราต้องการเท่านั้น เช่น ข้อมูลตัวเลขบางอย่าง ชื่อคน ชื่อสถานที่ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือการฝึกอ่านเยอะ ๆ ฝึกอ่านบ่อย ๆ เพื่อที่จะได้ใช้เทคนิคเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

IELTS Writing Test

การเขียน Writing Academic และ General จะไม่เหมือนกัน มีคำถามทั้งหมด 2 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบ 60 นาที (60 minutes) คะแนนเต็ม 9.0

Writing task 1

ข้อสอบ Writing Task 1 จะให้เขียนอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลที่แสดงอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น Bar chart , Line graph , Table , Pie chart เป็นต้น และการเขียนต้องไม่น้อยกว่า 150 คำ (write at least 150 words) ภายใน 20 นาที (20 minutes)

Writing task 2

ข้อสอบ Writing Task 2 จะให้เขียนเรียงความแสดงความคิดเห็นไม่ต่ำกว่า 250 คำ (write at least 250 words) ภายใน 40 นาที (40 minutes) ซึ่งคำถามมีหลายแบบ เช่น Formal words ,Advantages and Disadvantages ,Connector ,Problem and solution essay ,Descriptive essay ,Agree or Disagree , Cause and effect essay  เป็นต้น  

เทคนิคทำข้อสอบ Writing ให้คะแนนดี

เทคนิควิธีการเขียน Writing Task 1

แนะนำให้น้องๆ อ่านบทความใน The Financial Times และ The Economist นิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจ เศรษฐกิจ หุ้น การเงิน ซึ่งส่วนมาก จะมีการอธิบายด้วย Graph , Chart , Table , Diagram

เทคนิควิธีการเขียน Writing Task 2

ข้อสอบ Task 2 จะเป็นคำถามปลายเปิดเกี่ยวกับ Topics ประเด็นต่างๆ เช่น Art ,Business & Money , Crime & Punishment etc. ให้น้องๆ ได้แสดงความคิดเห็น ซึ่งจะมีรูปแบบในการตอบ 5 แบบ ได้แก่

1. Agree & Disagree – การเขียนแสดงความคิดเห็นแบบ เห็นด้วยหรือไม่ เทคนิคคือ ควรเลือกเลยว่าจะเขียนแบบเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย หาเหตุผลมาสนับสนุนพร้อมยกตัวอย่างประกอบ โดยข้อสอบรูปแบบนี้จะเป็นรูปแบบที่ออกบ่อยมากที่สุด

2. Cause & Effect เทคนิค คือ ควรเขียนสาเหตุและผลกระทบพร้อมการอธิบายและยกตัวอย่างในแต่ละพารากราฟเลย

3. Problem & Solution เทคนิคคือ ในพารากราฟแรกควรเขียนถึงปัญหาทั้งหมดก่อน และในอีกหนึ่งพารากราฟก็ควรเขียนถึงทางการแก้ปัญหา สำหรับทางแก้ปัญหาในการตอบให้พยายามคิดกว้างๆ เช่น การให้ความร่วมมือของรัฐบาล และ หน่วยงานเอกชน เป็นต้น

4. Descriptive essay การตอบคำถามแบบบรรยาย ควรแบ่งจำนวนพารากราฟตามคำถามที่ได้มา (สังเกตุจากเครื่องหมายคำถาม) และควรใช้ Adj. ในการบรรยายให้เห็นภาพ

5. Discuss (Advantage vs. Disadvantage) – ควรตัดสินใจก่อนว่าจะเลือกยืนฝั่งข้อดี หรือข้อเสีย เลือกฝั่งไหนให้คิดฝั่งนั้นมากกว่า เช่น ถ้าเลือกจะชูข้อดี ให้คิดข้อดีสัก 3 ข้อ ข้อเสียสัก 2 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 พารากราฟ และเอาข้อเสีย (ฝั่งที่เราไม่ได้เลือก) ขึ้นเป็น Body พารากราฟแรกก่อนเสมอ

IELTS Speaking Test

การพูด Speaking จะใช้เวลาสอบ 10-14 นาที คะแนนเต็ม 9.0 สำหรับการสอบ Academic และ General Training ข้อสอบจะเหมือนกันคือมีคำถามให้เราพูดทั้งหมด 3 Part คือ

Part 1 : Introduction and questions on familiar topics ใช้เวลา 4-5 นาที (4-5 minutes) คำถามจะเป็นเรื่องทั่วไป (General Questions) เช่น ครอบครัว ที่อยู่อาศัย อาชีพ การเรียน การทำงาน งานอดิเรก เป็นต้น

Part 2 : Individual long turn ผู้สอบจะได้บัตรคำถามจาก Examine หลังจากนั้นจะได้เวลาเตรียมตัวก่อนพูด 1 นาที (1 minute to prepare)หลังจากนั้นจะให้พูดบรรยายหัวข้อที่ได้รับ พาร์ทนี้จะใช้เวลาสอบ 1-2 นาที (1-2 minutes)

Part 3 : Two-way discussion เป็นการคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับ Examiner ใช้เวลาในการสอบ ประมาณ 4-5 นาที (4-5 minutes)

เทคนิคการทำข้อสอบ Speaking

Part 1- เรารู้แล้วว่า ในส่วนแรกจะเป็นการถามเกี่ยวกับตัวเราเองและครอบครัว แนะนำให้ผู้สอบตอบคำถามที่กระชับ ไม่ยืดเยื้อ และตรงประเด็นได้เลย

Part 2 – จะเป็นการพูดในเรื่องเกี่ยวกับ Topic Card ที่เราเลือกมา แนะนำให้หาไอเดียจากหัวข้อนั้น แล้วหาเหตุผลมารองรับ ยกตัวอย่างประกอบ จากนั้นให้ทำการสรุปประเด็น

Part 3 – จะเป็นการพูดที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม คำถามอาจจะทำให้เราต้องวิเคราะห์เยอะมากขึ้นก่อนที่จะตอบ สิ่งที่สำคัญที่อยากเน้นมาก ๆ คือ อย่าตอบแค่ Yes. หรือ No. แล้วจบ พยายามให้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือตอบให้มากกว่า 1 ประโยคเข้าไว้

เรียน IELTS

🔥คอร์ส เรียน IELTS สอนสด รับรองผล

คอร์สเรียน IELTS สอนสด กับ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อสอบโดยตรง

– Part Speaking และ Listening ติว IELTS กับ อาจารย์ต่างชาติ เจ้าของภาษาโดยตรง

– Part Writing และ Reading เรียนกับ อาจารย์คนไทย (จบทางด้านอักษร เกียรตินิยม) โดยตรง ที่เข้าใจถึงพื้นฐานภาษาอังกฤษของคนไทย

– มีปูพื้นฐาน Grammar ก่อนเริ่มเรียน จึงทำให้ผู้เรียนมั่นใจได้ว่าแม้ห่างหายจากภาษาอังกฤษไปนาน ก็สามารถเรียนตามได้ทัน

– มีคลิปสรุปทบทวนหลังเรียน ให้ฟรี

– มีสรุปคลิป สรุปคำศัพท์ ที่ออกสอบบ่อย ให้ฟรี

– คอร์สสอนสด สามารถสอบถามได้ทันที ที่สงสัย

– คอร์สกลุ่มเล็ก บรรยากาศเหมือนเรียนตัวต่อตัว

– อัพเดทข้อสอบรอบล่าสุด

– คอร์สรับรองผล หากสอบไม่ถึงเกณฑ์ สามารถกลับมาเรียนซ้ำใหม่ได้ฟรี


รหัสคอร์ส วันเรียน รอบ เวลา หมายเหตุ เหลือที่นั่ง อาจารย์
IBA0425 7 เม.ย. - 15 พ.ค. จ-พฤ 18:00-20:30
จองที่นั่ง
3 vova,ฟิวส์,เดียร์
IBA0525 19 พ.ค. - 19 มิ.ย. จ-พฤ 18:00-20:30
จองที่นั่ง
4 vova,ทราย
IBB0525 24 พ.ค. - 22 มิ.ย. ส-อา 10:00-16:00
จองที่นั่ง
4 vova,ทราย

**ช่วงราคาโปร Early bird**

ลด 10% เฉพาะ 10 ท่านแรก

ลดเหลือเพียง 19,500.-

(ราคาปกติ ท่านละ 21,666.-)

** ราคาพิเศษนี้เมื่อจองภายในสิ้นเดือนนี้เท่านั้น **

IELTS ควรเรียนตอนไหน ?

สำหรับคนที่กำลังจะสอบ IELTS ควรเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนใช้คะแนนสัก 2 ปี หรืออย่างน้อยที่สุดสัก 1 เดือน เพราะการสอบใช้หลายทักษะ โดยเฉพาะทักษะการฟังและพูด ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนา Skill

เปรียบเทียบ ศูนย์สอบ IELTS British Council กับ IDP

โดยทั่วไปแล้ว ตารางสอบและค่าสอบของทั้งสองศูนย์สอบนี้ไม่ต่างกัน ทั้งยังมีการจัดสอบทั้งแบบกระดาษและแบบคอมพิวเตอร์เหมือนกันด้วย ดังนั้น ใครที่กำลังคิดอยู่ว่าจะสอบที่ไหนดี แนะนำให้เลือกสนามสอบที่สะดวกในการเดินทางมากที่สุดได้เลย เพราะมาตรฐานทุกด้านจะไม่ต่างกันมากนั่นเอง

สมัครสอบ IETLS IDP

1. เข้าไปที่เว็บไซต์ สมัครสอบ IDP

2. เลือกประเภทการสอบ

3. เลือกประเทศ จังหวัด และ ประเภทการสอบ

4. เลือกสถานที่สอบที่ผู้สอบสะดวก และวันสอบ

5. กรอกรายละเอียดการสมัครของคุณและอัพโหลดเอกสาร

6. ยืนยันวันที่และรายละเอียดการสอบ

7. ชำระเงินค่าสมัครสอบภายใน 24 ชั่วโมง (ช่องทางการชำระเงิน)

8. หลังจากการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์ ผู้สอบจะได้รับอีเมลยืนยันการชำระเงิน

9. ก่อนวันสอบ 2-3 วัน ผู้สอบจะได้รับอีเมลแจ้งเตือน ซึ่งจะมีรายละเอียดวันสอบ เวลาสอบ และสถานที่สอบ

วิธีการชำระค่าสมัคร IDP

– ชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต/เดบิต

– ชำระเงินที่สำนักงาน IDP

– ชำระเงินที่เซเว่นได้ทุกสาขา

– หรือชำระเงินผ่านพร้อมเพย์ (ธนาคารใดก็ได้)

สมัครสอบ IELTS British Council

ประเภทการสอบราคา

Academic (แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์)

7,100 บาท
General training เชิงฝึกอบรมทั่วไป – ณ ศูนย์สอบ
(แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์)
7,100 บาท
UKVI เชิงวิชาการ – ณ ศูนย์สอบ
(แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์)
7,710 บาท
UKVI เชิงฝึกอบรมทั่วไป – ณ ศูนย์สอบ (แบบกระดาษหรือแบบคอมพิวเตอร์)7,710 บาท
IELTS Life Skills (A1 และ B1) – ณ ศูนย์สอบ 5,800 บาท

วิธีการชำระค่าสมัคร British Council

– ชำระโดยการโอนเงินผ่านทางธนาคาร

– ชำระด้วยตนเองที่ บริติช เคานซิล สาขาสยามแสควร์ (จันทร์ – เสาร์ เวลา 09.00-18.00 น.)

เปรียบเทียบการสอบ IELTS Computer Based VS Paper Based

หากต้องการเลือกรูปแบบการสอบ ระหว่างการสอบผ่านคอมพิวเตอร์ (Computer-delivered) หรือการสอบแบบกระดาษ (Paper-based) ควรพิจารณาถึงความถนัดในการพิมพ์ด้วย หากไม่เชี่ยวชาญในการพิมพ์ตามคีย์บอร์ด ควรเลือกสอบแบบกระดาษ แต่หากมีความคล่องตัวในการพิมพ์ดีกว่าการเขียน ควรเลือกสอบแบบคอมพิวเตอร์

แนะนำทางเลือกใหม่ การสอบ IELTS Online

การสอบ Online นั้น จะมีเนื้อหาข้อสอบเหมือนกับการสอบแบบ Paper-based และแบบ Computer-delivered เลย เพียงแต่เป็นรูปแบบใหม่ที่ผู้สอบสามารถสอบได้จากที่บ้านเลย โดยทำข้อสอบผ่านโปรแกรมที่จะมีให้โหลดหลังสมัครสอบเรียบร้อย

ข้อจำกัดการสอบ IELTS Online

การสอบออนไลน์เปิดให้สอบเฉพาะแบบ Academic Regular เท่านั้น ยังไม่มีแบบ General Training และ การสอบ UKVI และการรับผลสอบเป็นแบบ Digital เท่านั้น (ไม่มีผลเป็นกระดาษให้)

ผลสอบ IELTS ออกหลังสอบ 13 วัน

ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป โดยนับจากวันที่สอบไป 13 วัน

ทดลอง เรียน IELTS Online Free กับ CHULATUTOR​

เรียน IELTS
private
นักเรียน chulatutor คอร์ส IELTS สอบติด จุฬา
นักเรียน chulatutor คอร์ส IELTS สอบติด ธรรมศาสตร์

ทดสอบ IELTS Test Online Free

ผู้สนใจสอบ สามารถลองทำข้อสอบได้ในลิงก์ด้านล่างนี้ ซึ่งจะเป็นข้อสอบตัวอย่างข้อสอบที่คล้ายกับข้อสอบจริง เพื่อประเมินระดับความพร้อมในการสอบว่ามีความพร้อมมากน้อยระดับไหน

เปรียบเทียบ IELTS Academic VS General VS IELTS for UKVI

Academic

ใช้สำหรับคนที่ต้องการเอาคะแนนไปยื่นเรียนต่อในระดับปริญญาตรี-เอกหรือเพื่อใช้ในการทำงาน

IELTS General Training

ใช้สำหรับคนที่ต้องการไปเรียนต่อในระดับมัธยมหรือคนที่จะย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ

เปรียบเทียบ IELTS Academic VS IELTS General Training

 AcademicGeneral Training
การฟัง Listeningเวลา 30 นาที + 10 นาที เขียนคำตอบลง Answer Sheet ฟังทั้งหมด 4 Parts (40 ข้อ)
การอ่าน Reading

– เวลา 60 นาที

– อ่าน 3 Passages ยาวเชิงวิชาการ เช่น บทความที่มาจากหนังสือ บทวิเคราะห์ต่างๆ

– เวลา 60 นาที

– อ่าน 3 Passages สั้น เกี่ยวกับเรื่องทั่วไป เช่น ข่าวหนังสือพิมพ์ คู่มือ แผ่นพับ

การ Writing

– เวลา 60 นาที เขียน 2 ชิ้น

– สรุปกราฟ/ตาราง 150 คำ

– เขียนเรียงความ 250 คำ

– เวลา 60 นาที

– เขียนจดหมาย 150 คำ

– เขียนเรียงความ 250 คำ

การพูด Speakingเวลา 11 – 14 นาที สัมภาษณ์ตัวต่อตัว เกี่ยวกับคำถามทั่วไป และ การถามถึงประเด็นต่างๆ

IELTS for UKVI

ใช้ขอวีซ่าเพื่อศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักร

เปรียบเทียบ IELTS VS UKVI

ไอเอลUKVI
สอบวัดผลภาษาอังกฤษใช้ขอวีซ่า
สำหรับนักเรียนที่ต้องการ Student Visa (Tier 4) หรือใช้สมัครเรียนในไทยและต่างประเทศสำหรับนักเรียนที่ต้อง Student Visa (Tier 4)
ต้องสอบผ่านเกณฑ์ และได้ Unconditional Offer เท่านั้นจึงจะสามารถยื่นเรียนต่อได้หากสอบไม่ผ่านเกณฑ์ แต่ได้ Conditional Offer สามารถไปเรียน Pre-sessional course ได้
ค่าสมัครสอบ 6,900 บาทค่าสมัครสอบ 7,710 บาท

ค่าสมัครสอบ IELTS

– ค่าสมัครสอบ IELTS ผ่านคอมพิวเตอร์ 7,500 บาท

– ค่าสมัครสอบ IELTS Regular 6,900 บาท

– ค่าสมัครสอบ IELTS UKVI 9,009 บาท

– ค่าสมัครสอบ Life Skills 6,757 บาท

ตารางสอบ IELTS 2025

ตารางสอบ IELTS British Council 2025

ตารางสอบ IELTS IDP 2025

ตารางสอบ IELTS IDP 2025

Understanding IELTS test scores

คะแนนเต็มของ IELTS คือ 9 คะแนน โดยการสอบจะทดสอบทักษะ 4 ด้าน คือ Listening, Speaking, Reading และ Writing โดยในแต่ละทักษะ คะแนนจะอยู่ในช่วง 1.0-9.0

ผลคะแนนของการสอบจะถูกแบ่งเป็น “แบนด์ (Band)” โดยคะแนนจะอยู่ในช่วง 1.0 ถึง 9.0 โดยมีการเพิ่มคะแนนทีละ 0.5 และผลคะแนนจะถูกนำมารวมกันจากทั้ง 4 ด้าน และหารด้วย 4 เพื่อให้ได้คะแนน “ILETS Overall” ซึ่งแต่ละแบนด์จะแสดงถึงทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษโดยรายละเอียดดังนี้

คะแนนความมหมายคะแนน
9Expert User
8Very Good User
7Good User
6Competent User
5Modest User
4Limited User
3Extremely Limited User
2Intermittent User
1Non-User

ประสบการณ์จริงจากติวเตอร์ ที่ไปตามแนวสอบ IELTS

สวัสดีน้อง ๆ ทุกคน! 😊 พี่เป็นติวเตอร์ที่มีประสบการณ์ติวสอบ IELTS (International English Language Testing System) และวันนี้พี่อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองในการศึกษาแนวข้อสอบ IELTS อย่างละเอียด เพื่อให้น้อง ๆ ได้เข้าใจว่าข้อสอบนี้เป็นอย่างไร และต้องเตรียมตัวยังไงให้ได้คะแนนสูงที่สุด

IELTS ไม่ใช่แค่ข้อสอบวัดภาษา แต่เป็นการวัดทักษะการใช้ภาษาในชีวิตจริง

จากประสบการณ์ของพี่ข้อสอบ IELTS ไม่ใช่แค่ข้อสอบวัดแกรมมาร์หรือคำศัพท์ แต่เป็นการทดสอบทักษะภาษาอังกฤษที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเตรียมตัวสอบต้องเน้นความสามารถในการสื่อสารในการสื่อสารได้จริง

ถ้าจะสอบ IELTS แค่ท่องศัพท์กับ Grammar ไม่พอ ต้องฝึกทำข้อสอบจริง และ ฝึกสื่อสารที่สามารถใช้งานจริง

หลายคนที่เจอข้อสอบ IELTS ครั้งแรกมักจะตกใจ เพราะมันไม่เหมือนการสอบภาษาอังกฤษทั่วไป IELTS จะทดสอบ ฟัง พูด อ่าน และเขียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พี่จึงต้องไปศึกษาแนวข้อสอบมาหลายปี เพื่อช่วยให้น้อง ๆ ในการเตรียมตัวสอบ

 

เคล็ดลับ โครงสร้างข้อสอบ IELTS ในแต่ละพาร์ท

  1. Listening (การฟัง)
    • ข้อสอบนี้ให้ฟังบทสนทนาและการบรรยายในสถานการณ์จริง
    • พี่พบว่า Accent หรือสำเนียงของเจ้าของภาษามีความหลากหลายมาก (อังกฤษ, ออสเตรเลีย, อเมริกัน ฯลฯ)
    • เคล็ดลับ: ฝึกฟังพอดแคสต์และข่าวภาษาอังกฤษเป็นประจำ และจดคำสำคัญในขณะฟัง
  2. Reading (การอ่าน)
    • มีทั้ง Academic และ General Training แต่ละแบบมีความยากง่ายต่างกัน
    • ข้อสอบมักมีเนื้อหาทางวิชาการหรือบทความข่าว ซึ่งต้องใช้การจับใจความและสรุปข้อมูล
    • เคล็ดลับ: ฝึกอ่านบทความยาว ๆ และฝึกจับ Keyword ให้แม่นยำ
  3. Writing (การเขียน)
    • ข้อสอบแบ่งเป็น 2 Task คือ การอธิบายกราฟ/ตาราง (Task 1) และ การเขียนเรียงความ (Task 2)
    • พี่พบว่าหลายคนพลาดเพราะไม่เข้าใจโครงสร้างการเขียน และใช้คำศัพท์ไม่เหมาะสม
    • เคล็ดลับ: ฝึกเขียนบทความทุกวัน และใช้ Template ที่ช่วยให้การเขียนเป็นระบบ
  4. Speaking (การพูด)
    • เป็นการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวกับ Examiner
    • ข้อสอบแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ แนะนำตัว ตอบคำถามทั่วไป (Part 1), อธิบายหัวข้อที่กำหนด (Part 2), และการสนทนาเชิงลึก (Part 3)
    • เคล็ดลับ: ฝึกพูดหน้ากระจก หรืออัดเสียงตัวเอง แล้วลองฟังว่ามีจุดไหนต้องปรับปรุง

เทคนิคการเตรียมสอบ IELTS จากติวเตอร์ที่ไปตามแนวสอบมาจริง ๆ

1. เริ่มเตรียมตัวอย่างน้อย 2-3 เดือนล่วงหน้า

  • ควรฝึกทุกทักษะไปพร้อมกัน
  • ทำ Mock Exam เป็นประจำ เพื่อให้คุ้นเคยกับเวลาและแรงกดดันจริง

2. เตรียมสอบโดยหนังสือ IELTS ยอดนิยม

  • พี่แนะนำ Cambridge IELTS, IELTS Liz, British Council และ IDP

3. ฝึกทำ Mock Exams ให้มากที่สุด

  • การทำข้อสอบจะช่วยให้รู้ว่าแต่ละพาร์ทต้องใช้เวลาแค่ไหน
  • วิเคราะห์ข้อผิดพลาด และเรียนรู้จากข้อสอบที่เราทำพลาด

4. ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

  • ฟังพอดแคสต์ ดูหนังเป็นภาษาอังกฤษ และฝึกเขียนไดอารี่เป็นภาษาอังกฤษ
  • พยายามพูดภาษาอังกฤษให้เป็นธรรมชาติที่สุด

คะแนน IELTS ที่มหาวิทยาลัยและงานในฝันต้องการ: เท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ?

การสอบ IELTS เป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับใครที่ฝันอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำหรือทำงานในตำแหน่งที่ใช่ แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “ต้องได้คะแนน IELTS เท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ?” คำตอบไม่ได้ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับเป้าหมายของผู้สอบว่าจะใช้ในการสมัครเรียนหรือสมัครงาน

คะแนน IELTS สำหรับมหาวิทยาลัยชั้นนำ

ถ้าน้องฝันอยากเรียนต่อในมหาวิทยาลัยระดับโลกหรือหลักสูตรนานาชาติในไทย คะแนน IELTS คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ มาดูตัวอย่างเกณฑ์คะแนนกัน:

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (หลักสูตรนานาชาติ – CU Inter):

คณะยอดนิยม เช่น BBA (Bachelor of Business Administration) ต้องการคะแนน IELTS ขั้นต่ำ 6.0 โดยรวม (Overall Band) ส่วนวิศวกรรมศาสตร์ (ISE – International School of Engineering) และแพทยศาสตร์ (MD Inter) มักกำหนดที่ 6.5-7.0 แต่ถ้าจะให้ชัวร์และแข่งขันกับผู้สมัครเก่งๆ คะแนน 7.0 ขึ้นไปคือเป้าหมายที่นักเรียนสอบติดมักทำได้ ที่ Chulatutor เรามีเทคนิคสอนที่เข้าใจง่าย ฝึกเข้มทุกทักษะ จนน้องได้คะแนนตามฝันแบบไม่ต้องเครียด

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ – TU Inter):

คณะดังอย่าง BE (Economics) หรือ BJM (Journalism and Mass Communication) ต้องการ IELTS ขั้นต่ำ 6.0 ส่วนหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ (SIIT) และแพทยศาสตร์ (CICM – Chulabhorn International College of Medicine) มักกำหนดที่ 6.5 แต่จากประสบการณ์ นักเรียนที่ได้ 7.0 ขึ้นไปมีโอกาสติดสูงกว่า ด้วยคอร์ส IELTS ของ Chulatutor เราจะช่วยน้องเปลี่ยนจากพื้นฐานอ่อนให้กลายเป็น expert ได้จริง ด้วยวิธีที่ง่ายแต่ได้ผล

มหาวิทยาลัยมหิดล (หลักสูตรนานาชาติ – MU Inter):

คณะยอดฮิต เช่น วิทยาศาสตร์ (International College – MUIC) ต้องการ IELTS 6.0 ขั้นต่ำ ส่วนแพทยศาสตร์ (RAM – Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital) และวิศวกรรมศาสตร์ ต้องการ 6.5-7.0 ถ้าจะลุ้นที่นั่งในคณะท็อปๆ คะแนน 7.0+ จะทำให้น้องโดดเด่น ที่ Chulatutor เราแนะนำให้ฝึกข้อสอบจริงกับติวเตอร์มืออาชีพ เพื่อให้น้องคุ้นชินและทำคะแนนได้ตามที่มหาวิทยาลัยต้องการ

มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักร (Oxford, Cambridge):

เกณฑ์ขั้นต่ำอยู่ที่ 7.0-7.5 และบางสาขา เช่น กฎหมายหรือแพทย์ อาจต้องการถึง 8.0 โดยเฉพาะทักษะ Writing และ Speaking ไม่ต้องกังวล เพราะคอร์ส IELTS ของเราจะปูพื้นฐานให้แน่น เปลี่ยนจากยากให้เป็นง่าย จนน้องกลายเป็น expert ได้อย่างมั่นใจ

มหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย (University of Melbourne, Sydney):

ต้องการ IELTS 6.5-7.0 สำหรับปริญญาตรี และ 7.0-7.5 สำหรับปริญญาโท เราแนะนำให้ฝึกทำข้อสอบจริงกับ Chulatutor เพื่อให้น้องคุ้นเคยและพิชิตคะแนนตามเป้าหมายของมหาวิทยาลัยเหล่านี้ได้ไม่ยาก


คะแนน IELTS สำหรับงานในฝัน

ถ้าคุณมีเป้าหมายทำงานในบริษัทข้ามชาติหรือย้ายไปต่างประเทศ คะแนน IELTS ก็สำคัญไม่แพ้กัน มาดูตัวอย่าง:

  • แอร์โฮสเตส (Emirates, Qatar Airways):
    ต้องการ IELTS 6.0-6.5 โดยเน้น Speaking คล่องๆ ที่ Chulatutor เรามีอาจารย์เจ้าของภาษาช่วยติวพูดให้คุณมั่นใจ พูดง่ายแต่ได้คะแนนสูง
  • วิศวกรในบริษัทต่างชาติ (Siemens, Toyota):
    ขั้นต่ำ 6.5 แต่ถ้าอยากได้ตำแหน่งดีๆ หรือทำงานในยุโรป ต้องเล็ง 7.0 ขึ้นไป คอร์ส IELTS ของเราจะช่วยคุณพัฒนาทุกทักษะแบบครบจบในที่เดียว
  • งานในองค์กรระหว่างประเทศ (UN, WHO):
    ต้องการ IELTS 7.5-8.0 เพราะต้องเขียนรายงานและประชุมเป็นภาษาอังกฤษ เราเน้นสอน Writing และ Speaking แบบเข้มข้น แต่เข้าใจง่าย ให้คุณพร้อมสอบได้คะแนนสูงสุด

คะแนน IELTS เท่าไหร่ถึงจะพอ?

จริงๆ แล้ว “คะแนนพอ” ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของผู้สอบ ถ้าจะเรียนต่อในไทย 6.0-6.5 ก็อาจพอ แต่ถ้าฝันใหญ่ไปต่างประเทศหรือทำงานระดับสูง 7.0-8.0 คือตัวเลขที่ควรตั้งเป้า ที่ Chulatutor เราเข้าใจว่านักเรียนแต่ละคนมีจุดเริ่มต้นไม่เหมือนกัน เลยออกแบบคอร์ส IELTS ให้ ง่ายต่อการเรียน แต่ได้ผลลัพธ์แบบ expert ไม่ว่าผู้เรียนจะเริ่มจากศูนย์หรืออยากอัพคะแนน เรามีทั้งคอร์สสด คอร์สออนไลน์ และติวตัวต่อตัว

คำถามพบบ่อย IELTS

IELTS ต้องมีพื้นฐานอังกฤษแค่ไหนถึงจะสอบได้?

การสอบ IELTS ไม่ได้กำหนดว่าต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษระดับไหนถึงจะสมัครสอบได้ เพราะใคร ๆ ก็สามารถลงทะเบียนสอบได้เลย แต่สิ่งที่แนะนำคือ ผู้สอบควรมีพื้นฐานการฟัง-พูด-อ่าน-เขียนในระดับที่สามารถสื่อสารได้พอสมควร โดยเฉพาะหากตั้งเป้าคะแนนที่ 6.0 ขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับที่มหาวิทยาลัยและบริษัทส่วนใหญ่นิยมรับ

สำหรับผู้ที่เริ่มต้นหรือห่างหายจากภาษาอังกฤษมานาน ไม่ต้องกังวล! ที่ Chulatutor มีคอร์ส IELTS สำหรับผู้เริ่มต้นโดยเฉพาะ มีการปูพื้นฐาน Grammar และสอนเทคนิคการทำข้อสอบให้เข้าใจง่าย พร้อมฝึกจริงตามแนวข้อสอบล่าสุด

IELTS กับ TOEFL ต่างกันอย่างไร?

แม้ทั้ง IELTS และ TOEFL จะเป็นการสอบวัดระดับความสามารถด้านภาษาอังกฤษ แต่มีความแตกต่างกันในหลายจุด:

  • สำเนียงในการสอบ: IELTS ใช้สำเนียงหลากหลาย (UK, AUS, US) ส่วน TOEFL เน้นสำเนียงอเมริกัน
  • รูปแบบข้อสอบ: IELTS ใช้การสอบพูดแบบเจอผู้สอบจริง (Speaking face-to-face) ส่วน TOEFL พูดผ่านไมโครโฟนกับคอมพิวเตอร์
  • คะแนนเต็ม: IELTS เต็ม 9.0 ส่วน TOEFL เต็ม 120
  • การสอบในไทย: IELTS มีศูนย์สอบหลายแห่งทั่วประเทศ และมีแบบสอบออนไลน์แล้วด้วย

โดยรวมแล้ว IELTS เป็นที่นิยมมากกว่า ในกลุ่มนักเรียนไทยที่ต้องการเรียนต่อนานาชาติ หรือใช้ยื่นสมัครงาน เนื่องจากสอบง่ายกว่า และมีตัวเลือกการเรียนที่หลากหลายกว่า

สอบ IELTS ครั้งแรก ควรเริ่มอ่านอะไร?

สำหรับคนที่กำลังจะสอบ IELTS ครั้งแรก สิ่งแรกที่ควรเริ่มอ่านคือ โครงสร้างข้อสอบในแต่ละพาร์ท ว่ามีอะไรบ้าง เช่น Listening, Reading, Writing และ Speaking เพื่อให้เข้าใจรูปแบบก่อนลงมือฝึก

หลังจากนั้นแนะนำให้:

  • อ่านบทความภาษาอังกฤษที่ใช้จริง เช่น ข่าว, บทความวิเคราะห์ หรือเนื้อหาทางวิชาการ
  • ฝึกฟัง Podcast หรือดูคลิปภาษาอังกฤษ พร้อมจดศัพท์และฝึกสะกด
  • เรียนรู้โครงสร้างการเขียนเรียงความ (Essay) ทั้งแบบ Agree/Disagree, Problem/Solution ฯลฯ
  • ฝึกพูดหน้ากระจก หรือกับเพื่อน เพื่อให้พูดได้คล่องและมั่นใจมากขึ้น

ที่ Chulatutor เรามีทั้งเอกสารสรุป, คลิปสอนฟรี และคอร์สแบบ Step by Step ที่ออกแบบมาสำหรับผู้สอบครั้งแรกโดยเฉพาะ เพื่อให้เริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและสอบผ่านตามเป้า

Related Posts