IB คืออะไร ใช้ทำอะไรบ้าง สอบดีไหม
IB หรือ บางคนจะเรียก IB Diploma ก็ได้เช่นกัน นับเป็นอีกรูปแบบการเรียนและการสอบที่น่าสนใจมาก สำหรับน้อง ๆ รวมถึงผู้ปกครองที่วางแผนอนาคตเอาไว้ว่าอยากให้บุตรหลานของตนเองได้เรียนต่อในระดับปริญญาตรีกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ ดังนั้นการศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจอย่างละเอียดจะช่วยเรื่องการตัดสินใจเลือกเรียนง่ายขึ้น
Table of Contents
สอบ IB คืออะไร
การสอบ IB คือ รูปแบบของหลักสูตรการเรียนเทียบได้กับเกรด High School หรือระดับมัธยมปลายตามลักษณะการศึกษาในเมืองไทย ผ่านการยอมรับจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศจำนวนมาก นั่นเท่ากับหากสามารถทำคะแนน IB Diploma สอบออกมาได้ดีเยี่ยมเท่ากับโอกาสเข้าเรียนสถาบันที่คาดหวังเอาไว้หลายแห่งก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม อย่างไรก็ตามจะต้องเข้าเรียนตามหลักสูตร IB Programme ซึ่งแบ่งออกได้ 3 ระดับ คือ
– IB Primary Years Programme หรือ PYP เป็นรูปแบบการเรียนระดับต้น ผู้เรียนอายุตั้งแต่ 3-12 ปี
– IB Middle Years Programme หรือ MYP เป็นรูปแบบการเรียนระดับกลาง ผู้เรียนอายุตั้งแต่ 11-16 ปี
– IB Diploma Programme หรือ IBDP เป็นรูปแบบการเรียนระดับประกาศนียบัตรนานาชาติ ผู้เรียนอายุตั้งแต่ 16-19 ปี
โรงเรียนนานาชาติหลักสูตร IB เป็นอย่างไรบ้าง
เพื่อการทำความเข้าใจอย่างถูกต้องอยากให้ทุกคนศึกษาข้อมูลนี้กันสักเล็กน้อย โรงเรียนนานาชาติหลักสูตร IB เมื่อเข้าไปเรียนแล้วจะมีการจัดหมวดหมู่รายวิชาเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่
– Language A1 (Studies in Language and Literature)
– Second Language (Language Acquisition หรือ Language B เป็นวิชาภาษาหลักที่ 2 เช่น Spain, Italian, German, French
– Individuals and Societies เช่น Philosophy, Economics, Business and Management
– Experimental Sciences เช่น Physics, Chemistry and Biology
– Mathematics เช่น Mathematics (SL, HL), Further Mathematics
– Arts and Electives เช่น Visual Arts, Film, Music, Dance, Theatre Arts
IB Diploma สอบยุ่งยากไหม มีเงื่อนไขอะไรเกี่ยวข้องบ้าง
สำหรับการเลือกเรียน IB Diploma สอบ สอบมีความยุ่งยากแค่ไหน ขั้นพื้นฐานในการสอบต้องเลือกเรียนพร้อมสอบ 6 กลุ่มวิชา ซึ่งกลุ่ม 1-5 ถือเป็นกลุ่มวิชาบังคับ ต้องเลือกเรียนอย่างน้อย 1 รายวิชา ขณะที่กลุ่ม 6 ก็เลือกเพิ่มเติมว่าต้องการสอบวิชาใด
ตัวคะแนนจะแบ่งเป็นวิชาละ 7 คะแนน รวม 42 คะแนน ขณะที่อีก 3 คะแนน เป็นการทำกิจกรรมเพิ่มเติมตามหลักสูตร ประกอบไปด้วย
– Creativity, Action, Service (CAS) ทำกิจกรรมนอกห้องเรียนไม่ต่ำกว่า 50 ชม. ต่อกิจกรรม ซึ่งตัวกิจกรรมเองจะเป็นอีกเกณฑ์ที่บอกด้วยว่าผ่านหรือไม่
– Theory of Knowledge (ToK) ต้องเรียนไม่น้อยกว่า 100 ชม. อีกทั้งต้องมีการเขียน Essay ให้ได้ 1,200-1,600 คำ
– Extended Essay (EE) เป็นการเขียน Essay โดยต้องมีจำนวนคำไม่ต่ำกว่า 4,000 คำ
ทั้งนี้ยังมีการแบ่งระดับการสอบออกเป็น 2 ระดับด้วย นั่นคือ
– Standard Level (SL) ใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น 150 ชม. รูปแบบการเรียนเป็นไปตามเนื้อหาพื้นฐาน การประเมินคะแนนแบ่งเป็น 1-7 ต่อรายวิชา
– Higher Level (HL) ใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น 240 ชม. รูปแบบการเรียนเจาะลึกมาก ทำให้บางวิชาสามารถโอนหน่วยกิตได้หากเข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยที่มีรายวิชาเดียวกัน (ต้องเลือกสอบในระดับนี้อย่างน้อย 3 วิชา)
เรียน IB ตัวต่อตัว
เรื่องที่น้องมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการสอบ IB
เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ (Math) มีความซับซ้อนน้อยกว่า A-Level
IBDP Math (Analysis and Approaches HL) มีเนื้อหาที่กว้างและลึกมาก และมักจะครอบคลุมเนื้อหามากกว่าหลักสูตร A-Level ส่วนใหญ่ ความยากจึงอยู่ที่ ความกว้างของหลักสูตร ที่ต้องเรียนควบคู่ไปกับวิชาอื่น ๆ อีก 5 วิชา
IBDP ไม่มีการสอบปลายภาค
IBDP มีการสอบปลายภาค
การสอบ IBDP มีรอบสอบหลายรอบต่อปี
IBDP มีการจัดสอบเพียง 2 รอบหลักต่อปีเท่านั้น คือ May Session และ November Session
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ หลักสูตร IBDP
โครงสร้างหลักสูตร IBDP มี Core Elements 3 ส่วน คืออะไรบ้าง?
Core Elements 3 ส่วนที่นักเรียนทุกคนต้องทำให้สำเร็จคือ: 1) Theory of Knowledge (ToK) เน้นการวิเคราะห์วิธีการได้รับความรู้, 2) Extended Essay (EE) เน้นการทำวิจัยอิสระ 4,000 คำในวิชาที่สนใจ, และ 3) Creativity, Activity, Service (CAS) เน้นกิจกรรมนอกหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะทางสังคมและส่วนบุคคล
การเลือกวิชา HL (Higher Level) และ SL (Standard Level) มีผลต่อการยื่นคณะอย่างไร?
วิชา HL คือวิชาที่เรียนอย่างลึกซึ้งเป็นเวลา 2 ปี และมีน้ำหนักคะแนนสูงกว่า มหาวิทยาลัยมักจะกำหนดให้วิชาที่เกี่ยวข้องกับคณะที่สมัคร (เช่น Math, Physics สำหรับวิศวกรรม) ต้องเป็น HL ดังนั้นการวางแผนเลือก HL ให้ตรงกับสาขาที่ต้องการเรียนต่อจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
คะแนนสูงสุด 45 คะแนน แบ่งเป็นคะแนนในส่วนใดบ้าง?
คะแนนรวม 45 คะแนน มาจาก 6 กลุ่มวิชาหลัก (กลุ่มละ 7 คะแนน) รวมเป็น 42 คะแนน ส่วนที่เหลืออีก 3 คะแนนโบนัส มาจากการประเมินร่วมกันระหว่าง Theory of Knowledge (ToK) และ Extended Essay (EE) ตามตาราง Core Matrix