Quantity words หลายคนคงสงสัยว่าคำบอกปริมาณมีอะไรบ้าง และแต่ละอย่างมีวิธีการใช้อย่างไร วันนี้เราสรุปออกเป็นกลุ่มย่อยๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายในการทบทวนอ่านสอบ toeic
หลักการใช้ Past Perfect Tense เป็นอีกหนึ่งตัวที่สร้างความปวดหัวให้กับผู้สอบ toeic เพราะว่าเป็นอีกหนึ่ง Tense ที่มีสองเหตุการณ์มาพ่วงกัน และสองเหตุการณ์ก็ใช้ Tense ต่างกันอีกด้วย แต่ก็ไม่ยากเกินไปค่ะ ถ้าสร้างความเข้าใจกับมันดีๆ
Past Continuous Tense ถือว่าค่อนข้างซับซ้อนนิดหนึ่งตรงที่ถ้ามีสองเหตุการณ์ในอดีตซ้อนกันอยู่ ซึ่งผู้เรียนต้องจดจำให้ได้ว่าสองเหตุการณ์ที่ว่านั้น เหตุการณ์ไหนใช้ tense อะไร และมีข้อสังเกตอย่างไร
Past Simple Tense ถือว่าง่ายที่สุดเลยเพราะประธานทุกตัวใช้กริยาช่องสองเหมือนกัน หลักสำคัญของ Tense นี้เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต และก็จบลงไปแล้วไม่เกี่ยวกับปัจจุบัน
We use the present perfect tense to say that an action happened at an unspecified time before now. The exact time is not important. You
Present Continuous คือ รูปแบบ Tense ที่ใช้บอกถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะปัจจุบันที่กล่าวถึง โครงสร้างของประโยค คือ ประธาน + verb to be + คำกิริยาเติม ing
Parallelism หมายถึง การเขียนแสดงความคิดในโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่คล้ายคลึงกัน เพื่อให้ข้อความในประโยคต่อเนื่อง ทำให้ลีลาในการเขียนสละสลวย และทำให้ผู้อ่านติดตามเรื่องและเข้าใจแนวคิดของผู้เขียนได้อย่างชัดเจน
หลักการใช้ Present Simple Tense ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หรือ เกิดขึ้นเป็นประจำซ้ำไปซ้ำมา , ใช้กับการกระทำที่ ทำจนเป็นอุปนิสัย หรือการกระทำที่ เป็นความจริงตลอดไปกฎทางธรรมชาติ
Infinitive คือ “กริยาช่อง 1 ที่มี to นำหน้า เช่น to do, to be, to have, to walk, to go, to sleep, etc. เรียกคำเหล่านี้ว่า Infinitive” แต่ถ้าเป็นคำนามที่มี to
Gerund คือ “กริยาช่อง 1 ที่เติม ing แล้วนำมาใช้ในความหมายเป็นครึ่งกริยาครึ่งนาม เรียกว่า “กริยานาม” หรือ “Verbal Noun”
Quantity words หลายคนคงสงสัยว่าคำบอกปริมาณมีอะไรบ้าง และแต่ละอย่างมีวิธีการใช้อย่างไร วันนี้เราสรุปออกเป็นกลุ่มย่อยๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายในการทบทวนอ่านสอบ toeic
หลักการใช้ Past Perfect Tense เป็นอีกหนึ่งตัวที่สร้างความปวดหัวให้กับผู้สอบ toeic เพราะว่าเป็นอีกหนึ่ง Tense ที่มีสองเหตุการณ์มาพ่วงกัน และสองเหตุการณ์ก็ใช้ Tense ต่างกันอีกด้วย แต่ก็ไม่ยากเกินไปค่ะ ถ้าสร้างความเข้าใจกับมันดีๆ
Past Continuous Tense ถือว่าค่อนข้างซับซ้อนนิดหนึ่งตรงที่ถ้ามีสองเหตุการณ์ในอดีตซ้อนกันอยู่ ซึ่งผู้เรียนต้องจดจำให้ได้ว่าสองเหตุการณ์ที่ว่านั้น เหตุการณ์ไหนใช้ tense อะไร และมีข้อสังเกตอย่างไร
Past Simple Tense ถือว่าง่ายที่สุดเลยเพราะประธานทุกตัวใช้กริยาช่องสองเหมือนกัน หลักสำคัญของ Tense นี้เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต และก็จบลงไปแล้วไม่เกี่ยวกับปัจจุบัน
We use the present perfect tense to say that an action happened at an unspecified time before now. The exact time is not important. You
Present Continuous คือ รูปแบบ Tense ที่ใช้บอกถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะปัจจุบันที่กล่าวถึง โครงสร้างของประโยค คือ ประธาน + verb to be + คำกิริยาเติม ing
Parallelism หมายถึง การเขียนแสดงความคิดในโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่คล้ายคลึงกัน เพื่อให้ข้อความในประโยคต่อเนื่อง ทำให้ลีลาในการเขียนสละสลวย และทำให้ผู้อ่านติดตามเรื่องและเข้าใจแนวคิดของผู้เขียนได้อย่างชัดเจน
หลักการใช้ Present Simple Tense ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หรือ เกิดขึ้นเป็นประจำซ้ำไปซ้ำมา , ใช้กับการกระทำที่ ทำจนเป็นอุปนิสัย หรือการกระทำที่ เป็นความจริงตลอดไปกฎทางธรรมชาติ
Infinitive คือ “กริยาช่อง 1 ที่มี to นำหน้า เช่น to do, to be, to have, to walk, to go, to sleep, etc. เรียกคำเหล่านี้ว่า Infinitive” แต่ถ้าเป็นคำนามที่มี to
Gerund คือ “กริยาช่อง 1 ที่เติม ing แล้วนำมาใช้ในความหมายเป็นครึ่งกริยาครึ่งนาม เรียกว่า “กริยานาม” หรือ “Verbal Noun”
CHULA TUTOR
MBK 4th floor, Phayathai Road, Wangmai, Pathumwan, Bangkok 10330
Business hours
MONDAY – FRIDAY 10:00AM – 08.30PM
SATURDAY – SUNDAY 09:00AM – 06.00PM