
เปรียบเทียบ IELTS คืออะไร VS TOEFL คืออะไร
IELTS คืออะไร?
IELTS (International English Language Testing System) เป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ครอบคลุมทักษะทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การฟัง การอ่าน การเขียน การพูด อีกทั้งได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินทักษะของผู้ที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสารสำหรับการทำงาน การศึกษา หรือการย้ายถิ่นฐาน
TOEFL คืออะไร?
TOEFL (Test of English as a Foreign Language) เป็นแบบทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษ โดยยึดตามภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ซึ่ง TOEFL เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในอเมริกาโดยเฉพาะและผู้ที่จะสมัครงานในบริษัทต่างชาติ ส่วนใหญ่ตามสถาบันการศึกษาหรือบริษัทเอกชนต่าง ๆ จะกำหนดว่าต้องได้คะแนน TOELF ประมาณ 79/120 (แบบใหม่) หรือ 550/677 (แบบเก่า)
เปรียบเทียบ เวลาสอบ IELTS VS เวลาสอบ TOEFL
เวลาสอบ IELTS
การจัดสอบจะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบคอมพิวเตอร์ และแบบกระดาษ โดยมีการจัดสอบทุกเดือน เดือนละหลายครั้ง ความถี่ของการจัดสอบขึ้นอยู่กับสถาบันและสาขา เช่น หากเป็น British Council สาขาสยาม จะมีการจัดสอบทุกวัน แต่บางสาขามีแค่บางวัน
เวลาสอบ TOEFL
TOEFL iBT จะไม่มีระบุตายตัวว่าจัดสอบขึ้นเมื่อไหร่ อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับศูนย์สอบแต่ละที่ด้วย
TOEFL ITP มีการจัดสอบทุกวัน รอบเวลา 09:00-12:00 และ 14:30 น. (วันหยุดราชการ นัดหมายล่วงหน้า 2 สัปดาห์)
เปรียบเทียบ ค่าสอบ IELTS VS ค่าสอบ TOEFL
IELTS ค่าสมัครสอบ คือ 7,100 บาท
TOEFL iBT (Internet-based Test) มีค่าสมัครสอบประมาณ 6,000 บาท
TOEFL ITP (Institutional Testing Program) มีค่าสมัครสอบประมาณ 1,800 บาท
เปรียบเทียบ คะแนนสอบ IELTS VS TOEFL
คะแนนสอบ IELTS มีผลคะแนนตั้งแต่ 1.0 – 9.0
คะแนนสอบ TOEFL iBT (Internet-based Test) มีคะแนนสอบเต็มที่ 120 คะแนน
คะแนนสอบ TOEFL ITP (Institutional Testing Program) มีคะแนนสอบเต็มที่ 677 คะแนน
เปรียบเทียบการสอบ IELTS VS TOEFL
ประเภทการสอบ IELTS
IELTS Academic สำหรับผู้สอบที่ต้องการนำคะแนนไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับปริญญา หรือในด้านการทำงานในสาขาที่ต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษ โดยข้อสอบจะเป็นการวัดความรู้ภาษาอังกฤษในระดับวิชาการ
IELTS General Training สำหรับผู้ที่ต้องการนำคะแนนไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับต่ำกว่าปริญญา หรือในการสมัครงานกับองค์กรต่าง ๆ นอกจากนั้นใช้สำหรับการยื่นขอวีซ่าเพื่อการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักร
โดยข้อสอบจะเป็นการวัดความรู้ภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐาน และการสื่อสารทั่วไปในชีวิตประจำวัน
ประเภทการสอบ TOEFL
TOEFL iBT (Internet-based Test) เป็นการสอบกับคอมพิวเตอร์ ทดสอบทั้งหมด 4 ทักษะ คือ การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน มีผลคะแนน 0 – 120 คะแนน (ทักษะละ 30 คะแนน) เป็นการสอบที่นิยมกันมาก เพราะผลคะแนนเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
TOEFL ITP (Institutional Testing Program) เป็นข้อสอบ TOEFL ที่องค์กรหรือสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้ซื้อข้อสอบมาจาก ETS เพื่อจัดสอบเอง ทดสอบทั้งหมด 3 ทักษะ คือ การอ่าน การฟัง ไวยากรณ์ มีผลคะแนนคือ 310 – 677 คะแนน แต่การสอบ TOEFL ITP จะไม่นิยมสอบกันมากนัก เพราะผลคะแนนจะใช้ได้เฉพาะกับสถาบันที่จัดสอบเท่านั้น
เปรียบเทียบโครงสร้างข้อสอบ IELTS VS TOEFL
โครงสร้างข้อสอบ IELTS Academic
ใช้เวลาในการสอบประมาณ 175 นาที หรือ เกือบ 3 ชั่วโมง แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้
1. Part Speaking การฟัง 40 นาที มีจำนวนทั้งหมด 40 ข้อ ประกอบไปด้วย 4 คลิปเสียง คะแนนเต็ม 9.0 คะแนน
คลิปเสียงที่ 1 : บทสนทนาระหว่างคน 2 คนในบริบทชีวิตประจำวัน
คลิปเสียงที่ 2 – บทพูดของคนหนึ่งคนในบริบทชีวิตประจำวัน
คลิปเสียงที่ 3 – บทสนทนาในกลุ่มคนไม่เกิน 4 คนในบริบททางการศึกษาหรือการอบรม
คลิปเสียงที่ 4 – บทพูดของคนหนึ่งคนเกี่ยวกับหัวข้อทางวิชาการ
2. Part Reading การอ่าน 40 นาที บทความขนาดยาวจากหนังสือ นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ อานมีแผนผัง กราฟ หรือภาพประกอบ บทความละ 12-14 ข้อ รวมทั้งหมด 40 ข้อ คะแนนรวม 9.0 คะแนน
3. Part Writing การเขียน 60 นาที คะแนนเต็ม 9.0 คะแนน มีสองส่วน
Writing Task 1 : สรุป บรรยาย หรืออธิบาย ตาราง กราฟ แผนภูมิ หรือแผนผัง อย่างน้อย 150 คำ
Writing Task 2 : เขียนเรียงความจากหัวข้อที่กำหนด อย่างน้อย 250 คำ
4. Part Speaking การพูด 10-15 นาที สัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับผู้คุมสอบ เป็นการถามตอบคำถามสั้น ๆ ในเรื่องทั่วไป และการบรรยายในหัวข้อที่กำหนด คำแนนเต็ม 9.0 คะแนน
โครงสร้างข้อสอบ IELTS General Training
1. Part Speaking การฟัง 40 นาที มีจำนวนทั้งหมด 40 ข้อ ประกอบไปด้วย 4 คลิปเสียง คะแนนเต็ม 9.0 คะแนน
คลิปเสียงที่ 1 : บทสนทนาระหว่างคน 2 คนในบริบทชีวิตประจำวัน
คลิปเสียงที่ 2 – บทพูดของคนหนึ่งคนในบริบทชีวิตประจำวัน
คลิปเสียงที่ 3 – บทสนทนาในกลุ่มคนไม่เกิน 4 คนในบริบททางการศึกษาหรือการอบรม
คลิปเสียงที่ 4 – บทพูดของคนหนึ่งคนเกี่ยวกับหัวข้อทางวิชาการ
2. Part Reading การอ่าน 40 นาที บทความขนาดสั้นเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป 2 บทความ และบทความขนาดยาวจากหนังสือ นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ 1 บทความ บทความละ 13 -14 ข้อ รวม 40 ข้อ คะแนนเต็ม 9.0 คะแนน
3. Part Writing การเขียน 60 นาที มีสองส่วน
Writing Task 1 : การเขียนจดหมายในหัวข้อที่กำหนดในเรื่องทั่ว ๆ ไป อย่างน้อย 150 คำ
Writing Task 2 : เขียนเรียงความจากหัวข้อที่กำหนด อย่างน้อย 250 คำ
4. Part Speaking การพูด 10-15 นาที สัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับผู้คุมสอบ เป็นการถามตอบคำถามสั้น ๆ ในเรื่องทั่วไป และการบรรยายในหัวข้อที่กำหนด คำแนนเต็ม 9.0 คะแนน
โครงสร้างข้อสอบ TOEFL iBT
ใช้เวลาในการสอบประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง คะแนนเต็ม 120 คะแนน แบ่งออกเป็น 4 ส่วนดังนี้
1. Part Reading การอ่าน มีจำนวนทั้งหมด 36-70 ข้อ 60-100 นาที มี 3 บทความ แต่ละบทความจะมีโจทย์แบบปรนัยจำนวน 12-14 ข้อ คะแนนเต็ม 30 คะแนน
2. Part Listening การฟัง 60-90 นาที มี 6 บทสนทนา แต่ละบทสนทนาจะมีคำถามแบบปรนัยจำนวน 5-6 คำถาม รวม 34-51 ข้อ คะแนนเต็ม 30 คะแนน
3. Part Speaking การพูด มีคำถามปลายเปิดทั้งหมด 6 ข้อ 20 นาที คะแนนเต็ม 30 คะแนน
– 2 คำถามแรก ผู้สอบจะต้องตอบทันที โดยแต่ละคำถามมีเวลา 45 วินาที
– 2 คำถามต่อมา จะเป็นการตอบคำถามจากการอ่านบทความสั้นๆ แล้วฟังบทสนทนาที่เกี่ยวข้อง มีเวลาในการพูด 1 นาทีต่อ 1 คำถาม
– 2 คำถามสุดท้าย จะเป็นการฟังบทสนทนาก่อนตอบคำถาม มีเวลาในการพูด 1 นาทีต่อ 1 คำถาม
4. Part Writing การเขียน มีทั้งหมด 2 ข้อ อบ 50 นาที คะแนนเต็ม 30 คะแนน
– ข้อแรกผู้สอบต้องอ่านบทความและฟังบทสนทนาเกี่ยวกับบทความนั้น แล้วเขียนเรียงความ 2 ย่อหน้าภายใน 20 นาที
– ข้อที่สอง จะเป็นการเขียนเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด ภายใน 30 นาที
โครงสร้างข้อสอบ TOEFL ITP
เป็นข้อสอบแบบปรนัย ใช้เวลาในการสอบ 2 ชั่วโมง โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้
1. การฟัง 50 ข้อ 35 นาที
2.ไวยากรณ์ 40 ข้อ 25 นาที
3. การอ่าน 50 ข้อ 55 นาที
เปรียบเทียบ การนำคะแนน IELTS VS TOEFL ไปใช้
IELTS Academic สำหรับผู้สอบที่ต้องการนำคะแนนไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับปริญญา
IELTS General Training สำหรับผู้ที่ต้องการนำคะแนนไปใช้ในการศึกษาต่อในระดับต่ำกว่าปริญญา หรือในการสมัครงานกับองค์กรต่าง ๆ นอกจากนั้นใช้สำหรับการยื่นขอวีซ่าเพื่อการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศต่างๆ
TOEFL iBT ใช้ผลคะแนนในการยื่นศึกษาต่อในระดับปริญญาได้ทั่วโลก
TOEFL ITP ใช้ผลคะแนนในการยื่นศึกษาต่อในระดับปริญญาได้บางสถาบันเท่านั้น
สรุป IELTS VS TOEFL เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
หัวข้อ | IELTS | TOEFL |
อายุของคะแนน | คะแนนสามารถใช้ได้ 2 ปี | คะแนนสามารถใช้ได้ 2 ปี |
การยื่นคะแนน | เป็นที่ยอมรับเหมือนกันทั่วโลก แต่นิยมยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในเครือสหราชอาณาจักร | เป็นที่ยอมรับเหมือนกันทั่วโลก แต่นิยมยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา |
โครงสร้างข้อสอบ | มี 4 พาร์ท Listening Reading Writing Speaking | มี 4 พาร์ท Listening Reading Writing Speaking |
การสอบการพูด | สอบกับชาวต่างชาติ | สอบกับคอมพิวเตอร์ |
การจัดสอบ | สามารถสอบได้ทั้งปี | สามารถสอบได้ทั้งปี |
รูปแบบข้อสอบ | British English | American English |
รูปแบบการสอบ | Internet-based Paper-based (face to face for speaking) | Computer-based |
เวลาสอบ | 2 ชม. 45 นาที | 3 ชม. 30 นาที |
ช่วงคะแนน | 0-9 | 0-120 |
ค่าสมัครสอบ | 7,100 บาท | TOEFL iBT 6,000 บาท TOEFL ITP 1,800 บาท |
สถาบันจัดสอบ | British Council/IDP | ETS |
เลือกสอบอะไรดีระหว่าง IELTS และ TOEFL
ตัวผู้เข้าสอบต้องพิจารณาเองว่าถนัดแบบไหน โดยอาจจะคำนึงถึงหัวข้อต่าง ๆ ต่อไปนี้
1. สำเนียงของส่วนการฟัง หากถนัดสำเนียงแบบอเมริกันให้เลือกสอบ TOEFL หากถนัดแบบอังกฤษ เลือกสอบ IELTS
2. รูปแบบข้อสอบ : ข้อสอบแบบปรนัยของ TOEFL อาจต้องมีการใช้เหตุผลและความสามารถในการจินตนาการ ในขณะที่ IELTS จะเน้นให้ตอบคำถามแนวเรียงความ ซึ่งเน้นความจำ และการจดโน้ตในสิ่งสำคัญ
3. การถามคำถาม : TOEFL จะมีเพียงแค่คำตอบถูกหรือ ผิด ในขณะที่ IELTS จะมีตัวเลือก เช่น “ไม่ได้พูดถึงข้อมูลดังกล่าว” (not given)
4. รายละเอียด : TOEFL ถึงแม้ผู้เข้าสอบจะใช้ไวยากรณ์ผิดไปบ้าง แต่ถ้าบทความได้รับการพูดถึงอย่างละเอียด และมีคำศัพท์ที่ถูกต้อง ก็ยังได้คะแนน แต่ IETLS จะต้องเป๊ะทุกรายละเอียด ตั้งแต่ไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน และคำศัพท์