CU-TEP speaking

ข้อสอบ CU-TEP ในส่วนของ การพูด (Speaking) จะมีข้อสอบรวมทั้งหมด 3 ข้อ และจะมีเวลาทำข้อสอบทั้งหมด โดยประมาณ 10-15 นาที โดยที่ผู้สอบทุกคนจะได้รับหูฟังพร้อมกับไมค์ไว้ใช้สำหรับพูดขณะสอบ นอกจากนี้ผู้สอบจะถูกกำหนดเวลาในการพูดในแต่ละข้อ ซึ่งข้อสอบนั้น จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ

ข้อสอบ CU-TEP speaking ส่วนที่ 1

ข้อสอบเกี่ยวกับรูปภาพ โดยจะมีภาพปรากฏที่จอ Projector ทั้งหมด 6 รูปด้วยกัน โดยจะให้ผู้ที่เข้าสอบทุกคนแต่งเป็นเรื่องราวโดยเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน จะมีลักษณะคล้ายกันการแต่งนิทานนั่นเอง แต่ตัวผู้ทำสอบต้องมีทักษะในเรื่องของ คำเชื่อม (Connector) พอสมควร ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เจอรูป Pen และ Notebook ( กรณีตัวอย่างมี 2 รูป ) จะสามารถแต่งประโยคได้ในลักษณะประมาณนี้คือ

“ When I go to school, I like to bring not only an expensive pen which I bought from a supermarket yesterday but also a modern notebook known as Mac book.”

จะเห็นได้ชัดเจนว่าจากประโยคนี้จะมีการเล่นคำเชื่อมหลัก ๆ ด้วยกันถึงสองตัวคือ when และ not only—–but (also ) นอกจากนี้ยังมีการเล่นการขยายประโยคไม่ว่าจะเป็น adjective ( expensive and modern ) และ relative pronoun ( which ) อีกด้วย ดังนั้นหากต้องการจะฝึกฝนในข้อสอบประเภทนี้ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีความรู้เรื่องการเชื่อมโยงประโยค และเรื่องราวที่แต่งนั้นจะต้องเป็นเรื่องราวที่ไปในทิศทางเดียวกันอีกด้วย

สิ่งที่ควรระวังที่สุดสำหรับการทำข้อสอบข้อนี้คือ ต้องแน่ใจว่าได้ใช้คำศัพท์ครบทุกรูป มิเช่นนั้นจะโดนตัดคะแนนในเรื่องความไม่สมบูรณ์ของเนื้อหาอย่างแน่นอน (Content) และเวลาในการทำข้อสอบนี้จะมีเวลาให้เตรียมตัวเพียงแค่ 45 วินาทีเท่านั้นหลังจากที่รูปปรากฏ และจะต้องพูดประมาณ 2 นาทีให้เสร็จทันเวลา

ข้อสอบ CU-TEP speaking ส่วนที่ 2

ข้อสอบเกี่ยวกับแสดงความคิดเห็น ลักษณะของตัวข้อสอบจะเป็นเหตุการณ์ที่จะให้คำถามปลายเปิดแสดงความคิดเห็นของเรื่องที่กำลังทำอยู่ ซึ่งค่อนข้างจะไม่แน่นอนในเรื่องของตัวหัวข้อที่จะถูกถาม แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจนคือคล้าย ๆ กับการเขียน Essay ที่อาจจะต้องมีเกริ่นนำ เนื้อเรื่อง และสรุป มีตัวอย่างที่จะให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คือ

Question : Many people think that I-phone is beneficial for them. Do you agree or disagree with this statement ?

Answer : “I completely agree with this view that this gadget can offer a myriad of benefits for users. Firstly, it can help communication in certain way; for example, when abroad students miss their family and want to talk to, they can call via Skype, one of the most popular application in this device. Secondly, I-phone can support education; to illustrate, when students want to know the meaning of unknown word, they can search from Thai-Fast dictionary in I-phone. So, as I mentioned earlier, I strongly believe that this mobile phone can give me more positive points”

จะเห็นได้ชัดว่าจากตัวอย่างคำตอบนี้จะมีการแบ่งเป็นสามช่วง คือ เกริ่นนำก่อนว่า thesis statement ของเรื่องคืออะไร (I completely agree with this view that…) และตามด้วยเนื้อหาที่มาสนับสนุนสองข้อคือ (Firstly, Secondly, ) และลงท้ายด้วยการทวนคำตอบอีกทีว่าสุดท้ายแล้ว เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อความนี้ (I strongly believe….)

สำหรับสิ่งที่ต้องระวังกับข้อสอบประเภทนี้คือ ต้องดูในแน่ใจว่าโจทย์ต้องการอะไรจากตัวผู้สอบ บางคนจะมีรูปแบบที่คิดไว้แล้วเพื่อนำมาใช้ตอบคำถาม แต่อาจจะไม่สามารถใช้ได้กับทุกกรณีก็ได้ หากเจอโจทย์ให้ Discuss ทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตอนสอบจริงได้ เวลาที่ให้ก็จะคล้ายกับข้อสอบข้อแรกคือ ให้เวลาเตรียมตัว 45 วินาที และพูดอีกประมาณ 2 นาที

ข้อสอบ cu-tep speaking ส่วนที่ 3

ข้อสอบเกี่ยวกับสรุปความ โดยที่ทางศูนย์สอบจะให้ผู้สอบดูวิดีโอความยาวประมาณ 5-8 นาทีเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด หลังจากนั้นจะให้เวลาเตรียมตัว 45 วินาทีเช่นเดิม เพื่อเตรียมตัวพูดสรุปใจความสำคัญที่ได้จากการดูครั้งนี้ ซึ่งเกณฑ์หลัก ๆ ที่จะต้องรู้คือ ห้ามแต่งเรื่องเกินกว่าที่ได้ยินเป็นอันขาด พยายามพูดแต่ใจความสำคัญไม่เน้นพูดเยอะเกินความจำเป็น อาจจะทำให้เสียคะแนนได้ มีเวลาพูดประมาณ 2 นาทีเช่นเดิม

สิ่งที่ควรระวังเป็นพิเศษคือ สมาธิ ในการสอบเพราะว่า การสอบนี้คนสอบจะนั่งติดกันทำให้มีโอกาสที่เสียงจะเกิดการรบกวนกันได้ด้วย ดังนั้นทางที่ดีในวันที่สอบ กรรมการจะแจกกระดาษไว้ทดเพื่อใช้ในการ Brainstorms ก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว ให้ผู้สอบพยายามเรียกไอเดียที่สำคัญออกมาไว้เลย เพื่อจะได้ใช้ได้ง่ายขึ้นขณะพูด เพื่อไม่ให้ลืมเรื่องราวใด ๆ ที่อยากจะพูด เพราะเนื่องจากความกดดันที่ค่อนข้างมีมาก อาจจะทำให้ผู้สอบลืมส่วนสำคัญไปก็เป็นได้ และควรฝึกฝนการพูดภาษาอังกฤษบ่อย ๆ ที่บ้าน เป็นเรื่องปกติที่จะมีการผิดหลักทางไวยากรณ์ (Grammar) กันบ้างอยู่แล้ว แต่หากเราทำจนคล่องจนเกิดความเคยชินจะสามารถหยิบคำมาใช้ได้อย่างอิสระอย่างแน่นอน

สำหรับหลักการในการคิดคะแนน CU-TEP Speaking นั้น ไม่มีออกมาชัดเจน แต่โดยทั่วไปแล้ว หากยึดตามหลักของการสอบที่มีชื่อเสียงเช่น TOEFL หรือ IELTS จะพบว่า ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่คนสอบให้ความสนใจจะมีคือ

Content คือ เนื้อหาที่ผู้สอบได้แสดงออกไปในตอนที่พูด เรื่องราวนั้นได้เข้าประเด็นหรือไม่ หรือว่ามีการออกนอกเรื่องมากเกินไปหรือเปล่า และที่สำคัญตอบครบคำถามที่โจทย์ต้องการหรือไม่

Organize คือ การเรียบเรียงความคิดการพูดของผู้สอบ ว่าจะให้เหตุการณ์อะไรมาก่อนมาหลัง หรือการที่ผู้สอบไม่พูดวนไปวนมา พูดเป็นขั้นเป็นตอนนั่นเอง

Vocabulary คือ การเลือกใช้คำศัพท์ที่เหมาะสมกับเรื่องที่กำลังพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Topic vocabulary อาทิเช่น ถ้าผู้สอบกำลังพูดเรื่องการศึกษา ก็ควรใช้คำในหมวดเช่น students, learners, advisors หรือ school เป็นต้น

Pronunciation คือ การออกเสียงของคำที่กำลังพูด ไม่ผิดที่เราจะมีสำเนียง (Accent) ในแบบของเรา แต่การออกเสียงต่างหากที่เป็นตัวบอกความหมายของคำ อาทิเช่น การใช้เสียงสูงลงท้ายของประโยค อาจจะทำให้ผู้ฟังคิดว่าเป็นประโยคคำถามก็ได้หากไม่ระวังการใช้ดี ๆ

Scroll to Top